ศีล ๕ คืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด
เรื่องของศีล ๕ ว่ามีความหมายอย่างไร มาฝาก ครับ
หลายๆ ท่าน อาจจะรู้แล้วว่า ศีล ๕ มีอะไรบ้าง และมีความหมายว่าอย่างไร แต่ก็อาจจะมีอีกหลายๆ ท่านที่อาจจะยังไม่เข้าใจมากนัก รวมทั้งตัวผมเอง ก็พยายาม เรียนรู้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น วันนี้ผมจึงเอาคติธรรมจากครูบาอาจารย์ เรื่องของศีล ๕ มาฝาก ว่ามีอะไรบ้าง และมีความหมายว่าอย่างไร ซึ่งรวบรวมสั้นๆ พอที่จะทำให้เราเข้าใจได้ง่าย เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิด ในการใช้ชีวิตประจำวัน เรามาดูกันครับว่า ศีล ๕ ที่เราได้ยินได้ฟังมาตลอดนั้น คืออะไร และมีความหมายว่าอย่างไรบ้างครับ
ศีล นั้น แปลว่า ปกติ คือสิ่ง หรือกติกา ที่บุคคลจะต้องระวัง รักษาตามเพศและฐานะ ในสมัยพุทธกาล ผู้คนมักจะมีศีล ๕ ประจำใจกันเป็นนิจ ศีล ๕ จึงเป็นเรื่องปกติของบุคคลในสมัยนั้น การรักษาศีลเป็นการเพียรพยายาม เพื่อระงับโทษทางกายและวาจา อันเป็นเพียงกิเลสหยาบ มิให้กำเริบขึ้น สำหรับเราชาวพุทธแล้ว ศีล ๕ นั้น เป็นศีล ที่ถือได้ว่า รักษาได้ง่ายที่สุด เนื่องจากมีข้อบังคับไม่มากจนเกินไป ซึ่งเราสามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ไม่เหมือนกับการรักษาศีล ของผู้ปฏิบัติธรรม หรือพระภิกษุสงฆ์ ที่จะมีการงดเว้น ข้อห้ามมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งศีล ๕ นั้น พระพุทธเจ้า ได้ทรงบัญญัติให้เป็นข้อห้าม หรือข้อปฏิบัติตน ให้ห่างไกลจากความเสื่อมทั้งปวง โดยศีล ๕ นั้น มีความหมายดังต่อไปนี้
ศีลข้อที่ ๑ ปาณาติ ปาตา เวรมณี เป็นศีลข้อที่ว่าด้วย การงดเว้น การฆ่าสัตว์ การทรมาน การตัดชีวิตผู้อื่น หรือสัตว์อื่นๆ โดยไม่จำเป็น ทั้งนี้เชื่อว่า การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้น จะทำให้เกิดการ ฆ่าแกงกันเรื่อยไป ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อนี้ จะทำให้ผู้ที่ปฏิบัตินั้น มีชีวิตยืนยาว ปราศจากโรคภัยต่างๆ มาคอยเบียดเบียน เป็นต้น และด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อน้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีพลานามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไม่ขี้โรค อายุยืนยาว ไม่มีศัตรูเบียดเบียนให้ต้องบาดเจ็บ ไม่มีอุบัติเหตุต่างๆ ที่จะทำให้บาดเจ็บ หรือสิ้นอายุ เสียก่อนวัยอันควร
ศีลข้อที่ ๒ อทินนาทานา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้ามลักทรัพย์ การที่ได้ทรัพย์สินมา เป็นของตนเอง อย่างไม่ถูกต้อง หรือการฉ้อโกง ทั้งนี้การลักทรัพย์ การขโมย หรือการฉ้อโกง ไม่ได้หมายถึง เพียงทรัพย์สิน ที่เป็นวัตถุอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึง สิ่งที่เป็นนามธรรม ที่ไม่สามารถจับต้องได้ด้วย ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อที่ ๒ นี้ จะทำให้ผู้ปฏิบัตินั้น ร่ำรวย ด้วยทรัพย์สมบัติ เงินทอง ของมีค่าต่างๆ จะปลอดภัย จากการถูกโจรกรรม หรือถูกฉ้อโกง เป็นต้น และด้วยเศษของบุญ ที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อน้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย การทำมาหาเลี้ยงชีพ ในภายหน้า มักจะประสบกับช่องทางที่ดี ทำมาค้าขึ้น และมั่งมีทรัพย์ ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะ ไปด้วยภัยต่างๆ เช่น อัคคีภัย วาตภัย โจรภัย เป็นต้น
ศีลข้อที่ ๓ กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้าม การผิดประเวณี กับผู้ที่ไม่ใช่ สามี หรือภรรยาของตนเอง เช่น ลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือภรรยา สามีของผู้อื่น ทั้งนี้ หากเราไม่รักษาศีลข้อนี้ อาจจะส่งผล ทำให้เกิดความร้ายแรง ต่างๆ ตามมาได้ เช่น มีการทะเลาะเบาะแว้ง การฆ่ากัน การโกหกกัน เป็นต้น ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อนี้ ทำให้ คนในครอบครัว สามี ภรรยา และลูกหลาน จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ปราศจากการทะเลาะเบาะแว้ง และการไม่เข้าใจกัน เป็นต้น และด้วยเศษของบุญ ที่รักษาศีลในข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็จะประสบโชคดีในความรัก มักได้พบกับรักแท้ ที่จริงจัง และจริงใจ ไม่ต้องอกหัก อกโรย และอกเดาะ ครั้นเมื่อมีบุตรธิดา ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อด้าน ไม่ถูกผู้อื่นฉุดคร่าอนาจาร ไปทำให้เสียหาย บุตรธิดา ย่อมเป็นอภิชาตบุตร ซึ่งจะนำเกียรติยศชื่อเสียง มาสู่วงศ์ตระกูล เป็นต้น
ศีลข้อที่ ๔ มุสาวาทา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้ามโกหก หรือพูดจา ในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง พูดจาว่าร้าย ใส่ร้ายคนอื่น ทั้งนี้การโกหก หรือ การพูดจาในเรื่อง ที่ไม่เป็นความจริง อาจจะก่อให้เกิด ผลเสียต่างๆ มากมาย เช่น การเข้าใจผิด การโกรธ เกลียด และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นหากท่านใด รักษาศีล ในข้อนี้อย่างเคร่งครัด อานิสงส์ของผู้ปฎิบัติ จะมีวาจาที่น่าเชื่อถือ ได้รับความเคารพจากผู้อื่น ว่าเป็นผู้ที่พูดแต่เรื่องจริง เป็นต้น และด้วยเศษของบุญ ที่รักษาศีลในข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดมาเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้ที่มีเสียงไพเราะ พูดจา มีน้ำมีนวลชวนฟัง มีเหตุ มีผล ชนิดที่เป็นพุทธวาจา มีโวหาร ปฏิภาณไหวพริบ ในการเจรจา จะเจรจาความสิ่งใด ก็มีผู้ฟัง และเชื่อถือ สามารถ ว่ากล่าวสั่งสอนบุตรธิดา และศิษย์ ให้อยู่ในโอวาทได้ดี เป็นต้น
ศีลข้อที่ ๕ สุราเมรยมัชปมาทัฎฐานา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้ามดื่มเหล้า หรือเครื่องดอง ของเมา อันจะทำให้เกิด การขาดสติ นอกจากนั้น ยังรวมถึง ของเสพติดต่างๆ ที่ทำให้ ไม่สามารถ ครองสติสัมปชัญญะ ได้อีกด้วย การไม่สามารถรักษาสติ ให้อยู่กับตนเองได้ตลอด เป็นสิ่งที่อาจจะ ทำให้เกิดการผิดศีล ข้ออื่นๆ ตามมา ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อนี้ จะทำให้มีสติ รู้ตัวอยู่เสมอ ไม่ทำข้อผิดพลาดต่างๆ ให้เกิดขึ้น เป็นต้น และด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ เป็นผู้ที่มีสมอง ประสาท ปัญญา ความคิดแจ่มใส จะศึกษา เล่าเรียนสิ่งใด ก็แตกฉาน และทรงจำได้ง่าย ไม่หลงลืมฟั่นเฟือน เลอะเลือน ไม่เสียสติวิกลจริต ไม่เป็นโรคสมอง โรคประสาท ไม่ปัญญาทราม ปัญญาอ่อน หรือปัญญานิ่ม เป็นต้น
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม การรักษาศีล ๕ ซึ่งเป็นความเข้าใจง่ายๆ ในการปฏิบัติ เพราะว่าศีลแต่ละข้อนั้น มีรายละเอียดมากมาย เพราะฉะนั้น การละเมิดศีลในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นศีลขาด ศีลทะลุ ศีลต่าง หรือ ศีลพร้อย ล้วนแล้วแต่ ทำให้ใจเราไม่บริสุทธิ์ หรือเรียกว่า “บาป” เป็นหนทางสู่ประตูอบายภูมิ เราจะต้องตั้งใจว่า เราจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง เราจะไม่ยุยงให้คนอื่นผิดศีล และเมื่อเห็นคนอื่นผิดศีลแล้ว เราจะไม่พลอยยินดี และที่สำคัญ เราจะต้องรักษาศีลของตนเอง ให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ขอบคุณที่มา http://purifilm.blogspot.com/2018/01/5-ep28.html
หลายๆ ท่าน อาจจะรู้แล้วว่า ศีล ๕ มีอะไรบ้าง และมีความหมายว่าอย่างไร แต่ก็อาจจะมีอีกหลายๆ ท่านที่อาจจะยังไม่เข้าใจมากนัก รวมทั้งตัวผมเอง ก็พยายาม เรียนรู้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น วันนี้ผมจึงเอาคติธรรมจากครูบาอาจารย์ เรื่องของศีล ๕ มาฝาก ว่ามีอะไรบ้าง และมีความหมายว่าอย่างไร ซึ่งรวบรวมสั้นๆ พอที่จะทำให้เราเข้าใจได้ง่าย เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิด ในการใช้ชีวิตประจำวัน เรามาดูกันครับว่า ศีล ๕ ที่เราได้ยินได้ฟังมาตลอดนั้น คืออะไร และมีความหมายว่าอย่างไรบ้างครับ
ศีล นั้น แปลว่า ปกติ คือสิ่ง หรือกติกา ที่บุคคลจะต้องระวัง รักษาตามเพศและฐานะ ในสมัยพุทธกาล ผู้คนมักจะมีศีล ๕ ประจำใจกันเป็นนิจ ศีล ๕ จึงเป็นเรื่องปกติของบุคคลในสมัยนั้น การรักษาศีลเป็นการเพียรพยายาม เพื่อระงับโทษทางกายและวาจา อันเป็นเพียงกิเลสหยาบ มิให้กำเริบขึ้น สำหรับเราชาวพุทธแล้ว ศีล ๕ นั้น เป็นศีล ที่ถือได้ว่า รักษาได้ง่ายที่สุด เนื่องจากมีข้อบังคับไม่มากจนเกินไป ซึ่งเราสามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ไม่เหมือนกับการรักษาศีล ของผู้ปฏิบัติธรรม หรือพระภิกษุสงฆ์ ที่จะมีการงดเว้น ข้อห้ามมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งศีล ๕ นั้น พระพุทธเจ้า ได้ทรงบัญญัติให้เป็นข้อห้าม หรือข้อปฏิบัติตน ให้ห่างไกลจากความเสื่อมทั้งปวง โดยศีล ๕ นั้น มีความหมายดังต่อไปนี้
ศีลข้อที่ ๑ ปาณาติ ปาตา เวรมณี เป็นศีลข้อที่ว่าด้วย การงดเว้น การฆ่าสัตว์ การทรมาน การตัดชีวิตผู้อื่น หรือสัตว์อื่นๆ โดยไม่จำเป็น ทั้งนี้เชื่อว่า การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนั้น จะทำให้เกิดการ ฆ่าแกงกันเรื่อยไป ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อนี้ จะทำให้ผู้ที่ปฏิบัตินั้น มีชีวิตยืนยาว ปราศจากโรคภัยต่างๆ มาคอยเบียดเบียน เป็นต้น และด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อน้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมีพลานามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไม่ขี้โรค อายุยืนยาว ไม่มีศัตรูเบียดเบียนให้ต้องบาดเจ็บ ไม่มีอุบัติเหตุต่างๆ ที่จะทำให้บาดเจ็บ หรือสิ้นอายุ เสียก่อนวัยอันควร
ศีลข้อที่ ๒ อทินนาทานา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้ามลักทรัพย์ การที่ได้ทรัพย์สินมา เป็นของตนเอง อย่างไม่ถูกต้อง หรือการฉ้อโกง ทั้งนี้การลักทรัพย์ การขโมย หรือการฉ้อโกง ไม่ได้หมายถึง เพียงทรัพย์สิน ที่เป็นวัตถุอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึง สิ่งที่เป็นนามธรรม ที่ไม่สามารถจับต้องได้ด้วย ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อที่ ๒ นี้ จะทำให้ผู้ปฏิบัตินั้น ร่ำรวย ด้วยทรัพย์สมบัติ เงินทอง ของมีค่าต่างๆ จะปลอดภัย จากการถูกโจรกรรม หรือถูกฉ้อโกง เป็นต้น และด้วยเศษของบุญ ที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อน้อมนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย การทำมาหาเลี้ยงชีพ ในภายหน้า มักจะประสบกับช่องทางที่ดี ทำมาค้าขึ้น และมั่งมีทรัพย์ ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะ ไปด้วยภัยต่างๆ เช่น อัคคีภัย วาตภัย โจรภัย เป็นต้น
ศีลข้อที่ ๓ กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้าม การผิดประเวณี กับผู้ที่ไม่ใช่ สามี หรือภรรยาของตนเอง เช่น ลูกสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือภรรยา สามีของผู้อื่น ทั้งนี้ หากเราไม่รักษาศีลข้อนี้ อาจจะส่งผล ทำให้เกิดความร้ายแรง ต่างๆ ตามมาได้ เช่น มีการทะเลาะเบาะแว้ง การฆ่ากัน การโกหกกัน เป็นต้น ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อนี้ ทำให้ คนในครอบครัว สามี ภรรยา และลูกหลาน จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ปราศจากการทะเลาะเบาะแว้ง และการไม่เข้าใจกัน เป็นต้น และด้วยเศษของบุญ ที่รักษาศีลในข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็จะประสบโชคดีในความรัก มักได้พบกับรักแท้ ที่จริงจัง และจริงใจ ไม่ต้องอกหัก อกโรย และอกเดาะ ครั้นเมื่อมีบุตรธิดา ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อด้าน ไม่ถูกผู้อื่นฉุดคร่าอนาจาร ไปทำให้เสียหาย บุตรธิดา ย่อมเป็นอภิชาตบุตร ซึ่งจะนำเกียรติยศชื่อเสียง มาสู่วงศ์ตระกูล เป็นต้น
ศีลข้อที่ ๔ มุสาวาทา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้ามโกหก หรือพูดจา ในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง พูดจาว่าร้าย ใส่ร้ายคนอื่น ทั้งนี้การโกหก หรือ การพูดจาในเรื่อง ที่ไม่เป็นความจริง อาจจะก่อให้เกิด ผลเสียต่างๆ มากมาย เช่น การเข้าใจผิด การโกรธ เกลียด และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นหากท่านใด รักษาศีล ในข้อนี้อย่างเคร่งครัด อานิสงส์ของผู้ปฎิบัติ จะมีวาจาที่น่าเชื่อถือ ได้รับความเคารพจากผู้อื่น ว่าเป็นผู้ที่พูดแต่เรื่องจริง เป็นต้น และด้วยเศษของบุญ ที่รักษาศีลในข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดมาเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้ที่มีเสียงไพเราะ พูดจา มีน้ำมีนวลชวนฟัง มีเหตุ มีผล ชนิดที่เป็นพุทธวาจา มีโวหาร ปฏิภาณไหวพริบ ในการเจรจา จะเจรจาความสิ่งใด ก็มีผู้ฟัง และเชื่อถือ สามารถ ว่ากล่าวสั่งสอนบุตรธิดา และศิษย์ ให้อยู่ในโอวาทได้ดี เป็นต้น
ศีลข้อที่ ๕ สุราเมรยมัชปมาทัฎฐานา เวรมณี เป็นศีลที่ว่าด้วย การห้ามดื่มเหล้า หรือเครื่องดอง ของเมา อันจะทำให้เกิด การขาดสติ นอกจากนั้น ยังรวมถึง ของเสพติดต่างๆ ที่ทำให้ ไม่สามารถ ครองสติสัมปชัญญะ ได้อีกด้วย การไม่สามารถรักษาสติ ให้อยู่กับตนเองได้ตลอด เป็นสิ่งที่อาจจะ ทำให้เกิดการผิดศีล ข้ออื่นๆ ตามมา ซึ่งหากผู้ใดปฏิบัติได้ อานิสงส์ของการรักษาศีลในข้อนี้ จะทำให้มีสติ รู้ตัวอยู่เสมอ ไม่ทำข้อผิดพลาดต่างๆ ให้เกิดขึ้น เป็นต้น และด้วยเศษของบุญที่รักษาศีลข้อนี้ เมื่อนำมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ เป็นผู้ที่มีสมอง ประสาท ปัญญา ความคิดแจ่มใส จะศึกษา เล่าเรียนสิ่งใด ก็แตกฉาน และทรงจำได้ง่าย ไม่หลงลืมฟั่นเฟือน เลอะเลือน ไม่เสียสติวิกลจริต ไม่เป็นโรคสมอง โรคประสาท ไม่ปัญญาทราม ปัญญาอ่อน หรือปัญญานิ่ม เป็นต้น
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม การรักษาศีล ๕ ซึ่งเป็นความเข้าใจง่ายๆ ในการปฏิบัติ เพราะว่าศีลแต่ละข้อนั้น มีรายละเอียดมากมาย เพราะฉะนั้น การละเมิดศีลในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นศีลขาด ศีลทะลุ ศีลต่าง หรือ ศีลพร้อย ล้วนแล้วแต่ ทำให้ใจเราไม่บริสุทธิ์ หรือเรียกว่า “บาป” เป็นหนทางสู่ประตูอบายภูมิ เราจะต้องตั้งใจว่า เราจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง เราจะไม่ยุยงให้คนอื่นผิดศีล และเมื่อเห็นคนอื่นผิดศีลแล้ว เราจะไม่พลอยยินดี และที่สำคัญ เราจะต้องรักษาศีลของตนเอง ให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ขอบคุณที่มา http://purifilm.blogspot.com/2018/01/5-ep28.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น