หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมี คติธรรมและข้อคิด
เรื่องของ หนทาง ๗ สาย ชีวิตหลังความตาย
ซึ่งเป็นกรรมดีและกรรมชั่วของแต่ละคนมาฝากครับ
ชีวิตของเราเมื่อตายลงไปแล้ว ตามความเชื่อนั้น มีทางไป ได้ถึง ๗ สาย ด้วยกัน ซึ่งเราทุกคน ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ดิรัจฉานนั้น กล่าวกันว่า เป็นเพราะกรรม เป็นทั้งกรรมดีและกรรมชั่วส่งผล คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิดของครูบาอาจารย์มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิต ซึ่งผู้ที่จะเกิดมาในโลกนี้ หรือไม่เกิดอีก เป็นเพราะกรรม คือการกระทำทั้งดีและไม่ดี เมื่อกระทำแล้ว การจะไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ก็เป็นไปตามทาง ๗ สาย นั้นก็คือ
๑. ทางไปนรก
๒.ทางไปเปรตและอสุรกาย ๓.ทางไปดิรัจฉาน
๔.ทางไปมนุษย์
๕.ทางไปสวรรค์
๖.ทางไปพรมโลก
๗.ทางไปนิพพาน
เรามาดูกันครับว่า การกระทำของเราในตอนนี้ เมื่อตายลงไปแล้ว เราจะเดินไปทางสายไหน ซึ่งหนทางทั้ง ๗ สาย ที่เราเลือกเดินไปนั้น ขยายความได้ดังนี้ครับ
สายที่ ๑. ทางไปนรก ได้แก่ โทสะ นรกนั้น ต้องเป็นสถานที่ร้อน เพราะเหตุคือ โทสะ อันเป็นทางไป ก็เป็นของร้อนมากอยู่แล้ว เช่น ในเวลาที่โทสะเกิดขึ้น ก็จะรู้สึกร้อนใจเป็นกำลัง กลุ้มใจไปหมด ทุกหนทุกแห่ง เสียใจไปทุกหนทุกแห่ง ริษยาไป หึงหวงไป รำคาญไป แค้นเคืองใจไป ไม่มีที่สิ้นสุด โทสะ ความโกรธอันใด ที่มีมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดเป็นปัจจัย จนเป็นเหตุให้ทำทุจริต มีการฆ่า หรือว่ากล่าวหยาบช้าต่างๆ เป็นต้นแล้ว นั้นแหละเป็นหนทาง ไปสู่นรกโดยแน่นอน ถ้ามีโทสะ แต่ไม่ถึงกับเห็นผิดคิดร้าย เป็นเหตุให้ทำผิดทุจริตต่างๆ แล้ว ก็ยังไม่ไปนรก เป็นเพียงให้ทุกข์ๆ ยากๆ พาลำบาก อยู่ในมนุษย์เท่านั้น ก็ยังส่งผล ให้ได้รับความทุกข์ยาก ต่อไปในชาติหน้าอีกด้วยครับ
สายที่ ๒. ทางไปเปรต และอสุรกาย ได้แก่ โลภะ แต่ต้องเป็นโลภะ ที่ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิด กระทำทุจริต ด้วยการทำโจรกรรม ปล้นสะดม ประพฤติผิดในกาม เช่น มีชู้ เล่นชู้ และพูดโกหก หลอกลวงต้มตุ๋นต่างๆ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นความยากได้ สามัญธรรมดาแล้ว กระทำสุจริต พากเพียรพยายาม หาทรัพย์ในทางที่ชอบ ไม่เป็นเหตุ ให้ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย ความอยากได้ ไม่ถึงกับเห็นผิด หรือกระทำทุจริตนี้ เป็นเพียงให้ทุกข์ๆ ยากๆ ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง อยู่ในโลกนี้เท่านั้น หรือบางทีวิบากแห่งกรรมนั้น ก็ตามสนอง ให้ไปเกิดเป็นคนยากจน ต่อไปในชาติหน้าก็ได้ เรียกคนที่มีโลภะมากนี้ว่า “มนุสฺสเปโต” ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเปรต ภูมิแห่งเปรตและอสุรกายนั้น เป็นภูมิที่หิวกระหาย ทรมานอยู่ตลอดเวลา และไม่กล้าปรากฏกาย หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในภูมินั้นตลอดกัปป์ ตลอดกัลป์ จนกว่าจะสิ้นวิบากกรรม ที่ตนได้กระทำไว้ ครับ
สายที่ ๓. ทางไปดิรัจฉาน ได้แก่ โมหะ ผู้ที่เดินทางไปเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เรียกว่า “มนุสฺสติรจฺฉาโน” ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นสัตว์ดิรัจฉาน คือ มีโมหะ ความหลงไม่รู้ มืดมน อนธการอยู่เสมอ ความเป็นสัตว์ดิรัจฉานนั้นคือ ความเป็นสัตว์ที่ไปขวาง คือ ไม่รู้จักบำเพ็ญบุญกุศล เป็นต้น ตลอดถึงขวางแนวทางปฏิบัติ เพื่อความสำเร็จ และขวางมรรคผล เมื่อโมหะอกุศลกรรม นำไปเกิดในอบายภูมิ คือ ดิรัจฉานภูมินี้แล้ว ก็หมดโอกาสไปตลอดชาติ ไม่สามารถ ที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ แม้พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พระธรรมอุบัติขึ้น พระสงฆ์อุบัติขึ้น ก็หารู้ไม่ กินแล้วนอน และสืบพันธุ์เท่านั้น
สายที่ ๔.ทางไปมนุษย์ ได้แก่ ศีล ๕ และกุศลกรรมบถ ๑๐
บางคนเกิดมามีอายุสั้น พลันตายเสีย แต่ยังเป็นหนุ่มสาว หรือยังมีชีวิตอยู่ ก็เจ็บป่วยอยู่เสมอ เพราะชาติก่อนนั้น บกพร่องด้วยศีลข้อ ๑ หมายความว่า ในชาติปางก่อนนั้น เว้นจากการฆ่าสัตว์ไม่สมบูรณ์ ยังมีการเบียดเบียนสัตว์ ขาดเมตตากรุณาอยู่บ้าง จึงเป็นเหตุ ทำให้อายุสั้น หรือโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนอยู่เสมอ
บางคนเกิดมา เป็นคนยากจน หาเช้ากินค่ำ ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ก็ยังยากจนอยู่ บางทีต้องขอทานเขากิน ก็เพราะเหตุว่า ในชาติปางก่อนโน้น ได้เป็นผู้บกพร่อง ในศีลข้อ ๒ ธรรมข้อ ๒ ก็คือ เว้นจากการลักทรัพย์ไม่สมบูรณ์ ประพฤติมิจฉาชีพ เป็นครั้งคราว จึงเป็นเหตุให้มาเกิด เป็นคนยากจนเข็ญใจ ไร้ทรัพย์ในชาตินี้
บางคนเกิดมาถูกหลอกลวง เสียทรัพย์สินเงินทอง ตลอดถึงเสียตัว เสียความบริสุทธิ์ ก็เพราะชาติก่อนบกพร่องในศีลข้อ ๓ ไม่ยินดีเฉพาะภรรยาสามีของตน จึงได้รับความชอกช้ำระกำใจ เพราะถูกหลอกลวงในชาตินี้
บางคนเกิดมาถูกใส่ความต่างๆ นานา เรื่องไม่ผิด ก็ถูกกล่าวหาว่าผิด เพราะในชาติก่อน ประพฤติผิดศีลข้อ ๔ หมายความว่า เป็นผู้ชอบพูดเท็จไม่จริง ขาดสัจจวาจา ไม่ค่อยพูดความจริง จึงเป็นผลสะท้อน ให้ถูกใส่ร้ายป้ายสี อยู่ในชาตินี้ มิได้หยุดหย่อน
บางคนเกิดมา พิการวิกลจริต เป็นใบ้ บ้า หนวก บอด ก็เพราะประพฤติผิดศีลข้อ ๕ ทำให้บกพร่องไม่สมบูรณ์ คือเว้นจากการดื่มสุราเมรัย ไม่เด็ดขาด ปราศจากสติสัมปชัญญะ ในชาติก่อน จึงพาให้มาเกิดเป็นคน มีสติวิปลาสวิกลจริตในชาตินี้ พลาดจากประโยชน์ ที่จะพึงได้พึงถึง เป็นคนที่สังคมรังเกียจ ชาวโลกไม่ต้องการ น่าเสียดายชีวิต ที่เกิดมาแล้วไร้ค่า
บางคนเกิดมาแล้ว มีอายุยืนยาวนาน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ทั้งเป็นคนร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ พร้อมยศและบริวาร ทั้งไม่มีผู้ใดหลอกลวงหรือใส่ร้ายได้ เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะดีอยู่เสมอ ก็เพราะอานิสงส์รักษาศีล ๕ และปฏิบัติเบญจธรรม ๕ อย่างมั่นคงสมบูรณ์ นั่นเอง
สายที่ ๕.ทางไปสวรรค์ ได้แก่ มหากุศล ๘ ประการ คือ
๑. เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลดีมาก คือ ผลบุญนี้ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ จะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่ำรวย ไม่อดไม่อยาก ไม่ทุกข์ไม่ยาก และมีปัญญามาก หากออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะได้บรรลุฌาน มีปฐมฌาน เป็นต้น หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๒. เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้คิดทำบุญเอง มีผู้มีชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๒ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ จะร่ำรวยมั่ง มีศรีสุข และจะมีปัญญาดี แต่เป็นที่ ๒ เพราะยังมีคนเก่งกว่าฉลาดกว่า หากออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะได้บรรลุฌานในชาตินั้น หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๓. เวลาทำบุญมีใจเฉยๆ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๓ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ มั่งมีศรีสุข และจะมีสติปัญญาดีเป็นที่ ๓ เพราะยังมีคนดีกว่า เก่งกว่า เฉียบแหลมกว่า หากออกเจริญสมถกรรมฐาน จะได้ฌาน หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๔. เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๔ สามารถนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ และมีสติปัญญาดี เป็นที่ ๔ ถ้าออกเจริญสมถกรรมฐาน จะได้ฌาน ถ้าออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๕. ในเวลาทำบุญ มีความดีใจ ไม่ปรารถนามรรค ผล นิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ขาดปัญญา ได้ผลเป็นที่ ๕ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งมีศรีสุข แต่ขาดปัญญา คือ ไม่มีปัญญาที่จะได้ฌาน ได้มรรค ผล นิพพาน หมายความว่า ถ้าออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะไม่ได้ฌาน ถ้าออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะไม่ได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยให้ได้ฌาน ให้ได้มรรค ผล นิพพานในชาติต่อไปได้
๖. เวลาทำบุญ มีความดีใจ ไม่ปรารถนามรรค ผล นิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ขาดปัญญา ได้ผลเป็นที่ ๖ สามารถจะไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ มั่งมีศรีสุข แต่ขาดปัญญา คือ ไม่มีปัญญาที่จะให้ได้ฌาน ได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยให้ได้มรรค ผล นิพพาน หรือได้ฌานในชาติต่อๆ ไป
๗. เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนามรรค ผล นิพพาน ทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๗ ขาดปัญญา แต่สามารถนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะร่ำรวย มั่งมีศรีสุข แต่ไม่มีปัญญาพอ ที่จะได้บรรลุฌาน ได้บรรลุมรรค ผล นิพพานในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัย ให้ได้บรรลุฌาน มรรค ผล นิพพานในชาติต่อๆ ไป
๘. เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๘ สามารถนำไปเกิดในสวรรค์ เป็นเทวดาก็ได้ เป็นมนุษย์ก็ได้ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมั่งมีศรีสุข ร่ำรวย ไม่อดไม่อยาก ไม่ทุกข์ไม่ยาก แต่ขาดปัญญา ที่จะนำพาให้ได้ฌาน ให้ได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น แต่เป็นปัจจัยในภพต่อๆ ไปได้
สายที่ ๖.ทางไปพรมโลก
ได้แก่ สมถกรรมฐาน ทางไปเกิดเป็นพรหมนั้น ต้องมีฌานเป็นหนทางไป บุคคลที่จะทำฌาน ให้บังเกิดขึ้นได้นั้น ได้แก่ พระโยคาวจร หรือเรียกว่า โยคีบุคคล ผู้ละปลิโพธ เครื่องกังวลห่วงใยต่างๆ หลีกออกจากกามารมณ์ ไปสู่เรือนว่าง หรือภูเขาที่สงบสงัด ไม่ลำบากด้วยความเป็นอยู่เรื่องอาหาร เข้าหาครูอาจารย์ ผู้พร่ำสอนสมถกรรมฐาน ซึ่งอาจารย์จะนำเอาอารมณ์กรรมฐาน ๔๐ อย่าง คือ กสิน ๑๐ อนุสสติ ๑๐ อสุภะ ๑๐ พรหมวิหาร ๔ อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑ จตุธาตุววัตถาน ๑ และอรูป ๔
สายที่ ๗.ทางไปนิพพาน ได้แก่ วิปัสสนากรรมฐาน
หนทางสายที่ ๗ นี้ จะมีขึ้น ก็ต่อเมื่อ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุบัติบังเกิดขึ้นในโลกแล้ว ทรงประกาศสัจจธรรม ชี้แนะแนวทางแห่งการปฏิบัติ เพื่อวิวัฏฏะ คือพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏฏะทุกข์ จนกระทั่งพุทธบริษัท ผู้มีสติปัญญา มีบารมี ที่สั่งสมมาดีแล้ว ได้พากันปฏิบัติตาม เป็นเหตุให้ได้บรรลุ มรรค ผล พระนิพพาน เข้าถึงความบริสุทธิ์ กลายเป็นพระอริยสงฆ์เจ้า เป็นจำนวนมาก ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า ทางไป พระนิพพาน มีแต่เฉพาะ ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น คำว่า วิปัสสนา นั้น หมายความว่า เห็นโดยวิเศษ เห็นโดยพิเศษ ซึ่งมีคำวิเคราะห์ว่า “วิเสเสน ปสฺสตีติ วิปสฺสนา” การเห็นโดยวิเศษ ชื่อว่า วิปัสสนา การเห็นโดยวิเศษนั้น ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยตา หรือเห็นอย่างธรรมดา แต่เห็นด้วยปัญญา ด้วยญาน หรือวิชชา ได้แก่ ความรู้แจ้งเห็นจริงแทงตลอด ซึ่งรูปนามนั่นเอง
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม หนทาง ๗ สาย ชีวิตหลังความตายของเรา คุณผู้ชมอยากจะเลือกเดินทางสายไหน ก็พิจารณาเอาเองน่ะครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ขอขอบคุณที่มา.. http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=54028
ชีวิตของเราเมื่อตายลงไปแล้ว ตามความเชื่อนั้น มีทางไป ได้ถึง ๗ สาย ด้วยกัน ซึ่งเราทุกคน ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ดิรัจฉานนั้น กล่าวกันว่า เป็นเพราะกรรม เป็นทั้งกรรมดีและกรรมชั่วส่งผล คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิดของครูบาอาจารย์มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิต ซึ่งผู้ที่จะเกิดมาในโลกนี้ หรือไม่เกิดอีก เป็นเพราะกรรม คือการกระทำทั้งดีและไม่ดี เมื่อกระทำแล้ว การจะไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ก็เป็นไปตามทาง ๗ สาย นั้นก็คือ
๑. ทางไปนรก
๒.ทางไปเปรตและอสุรกาย ๓.ทางไปดิรัจฉาน
๔.ทางไปมนุษย์
๕.ทางไปสวรรค์
๖.ทางไปพรมโลก
๗.ทางไปนิพพาน
เรามาดูกันครับว่า การกระทำของเราในตอนนี้ เมื่อตายลงไปแล้ว เราจะเดินไปทางสายไหน ซึ่งหนทางทั้ง ๗ สาย ที่เราเลือกเดินไปนั้น ขยายความได้ดังนี้ครับ
สายที่ ๑. ทางไปนรก ได้แก่ โทสะ นรกนั้น ต้องเป็นสถานที่ร้อน เพราะเหตุคือ โทสะ อันเป็นทางไป ก็เป็นของร้อนมากอยู่แล้ว เช่น ในเวลาที่โทสะเกิดขึ้น ก็จะรู้สึกร้อนใจเป็นกำลัง กลุ้มใจไปหมด ทุกหนทุกแห่ง เสียใจไปทุกหนทุกแห่ง ริษยาไป หึงหวงไป รำคาญไป แค้นเคืองใจไป ไม่มีที่สิ้นสุด โทสะ ความโกรธอันใด ที่มีมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดเป็นปัจจัย จนเป็นเหตุให้ทำทุจริต มีการฆ่า หรือว่ากล่าวหยาบช้าต่างๆ เป็นต้นแล้ว นั้นแหละเป็นหนทาง ไปสู่นรกโดยแน่นอน ถ้ามีโทสะ แต่ไม่ถึงกับเห็นผิดคิดร้าย เป็นเหตุให้ทำผิดทุจริตต่างๆ แล้ว ก็ยังไม่ไปนรก เป็นเพียงให้ทุกข์ๆ ยากๆ พาลำบาก อยู่ในมนุษย์เท่านั้น ก็ยังส่งผล ให้ได้รับความทุกข์ยาก ต่อไปในชาติหน้าอีกด้วยครับ
สายที่ ๒. ทางไปเปรต และอสุรกาย ได้แก่ โลภะ แต่ต้องเป็นโลภะ ที่ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิด กระทำทุจริต ด้วยการทำโจรกรรม ปล้นสะดม ประพฤติผิดในกาม เช่น มีชู้ เล่นชู้ และพูดโกหก หลอกลวงต้มตุ๋นต่างๆ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นความยากได้ สามัญธรรมดาแล้ว กระทำสุจริต พากเพียรพยายาม หาทรัพย์ในทางที่ชอบ ไม่เป็นเหตุ ให้ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย ความอยากได้ ไม่ถึงกับเห็นผิด หรือกระทำทุจริตนี้ เป็นเพียงให้ทุกข์ๆ ยากๆ ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง อยู่ในโลกนี้เท่านั้น หรือบางทีวิบากแห่งกรรมนั้น ก็ตามสนอง ให้ไปเกิดเป็นคนยากจน ต่อไปในชาติหน้าก็ได้ เรียกคนที่มีโลภะมากนี้ว่า “มนุสฺสเปโต” ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นเปรต ภูมิแห่งเปรตและอสุรกายนั้น เป็นภูมิที่หิวกระหาย ทรมานอยู่ตลอดเวลา และไม่กล้าปรากฏกาย หลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในภูมินั้นตลอดกัปป์ ตลอดกัลป์ จนกว่าจะสิ้นวิบากกรรม ที่ตนได้กระทำไว้ ครับ
สายที่ ๓. ทางไปดิรัจฉาน ได้แก่ โมหะ ผู้ที่เดินทางไปเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เรียกว่า “มนุสฺสติรจฺฉาโน” ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นสัตว์ดิรัจฉาน คือ มีโมหะ ความหลงไม่รู้ มืดมน อนธการอยู่เสมอ ความเป็นสัตว์ดิรัจฉานนั้นคือ ความเป็นสัตว์ที่ไปขวาง คือ ไม่รู้จักบำเพ็ญบุญกุศล เป็นต้น ตลอดถึงขวางแนวทางปฏิบัติ เพื่อความสำเร็จ และขวางมรรคผล เมื่อโมหะอกุศลกรรม นำไปเกิดในอบายภูมิ คือ ดิรัจฉานภูมินี้แล้ว ก็หมดโอกาสไปตลอดชาติ ไม่สามารถ ที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ แม้พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พระธรรมอุบัติขึ้น พระสงฆ์อุบัติขึ้น ก็หารู้ไม่ กินแล้วนอน และสืบพันธุ์เท่านั้น
สายที่ ๔.ทางไปมนุษย์ ได้แก่ ศีล ๕ และกุศลกรรมบถ ๑๐
บางคนเกิดมามีอายุสั้น พลันตายเสีย แต่ยังเป็นหนุ่มสาว หรือยังมีชีวิตอยู่ ก็เจ็บป่วยอยู่เสมอ เพราะชาติก่อนนั้น บกพร่องด้วยศีลข้อ ๑ หมายความว่า ในชาติปางก่อนนั้น เว้นจากการฆ่าสัตว์ไม่สมบูรณ์ ยังมีการเบียดเบียนสัตว์ ขาดเมตตากรุณาอยู่บ้าง จึงเป็นเหตุ ทำให้อายุสั้น หรือโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนอยู่เสมอ
บางคนเกิดมา เป็นคนยากจน หาเช้ากินค่ำ ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ก็ยังยากจนอยู่ บางทีต้องขอทานเขากิน ก็เพราะเหตุว่า ในชาติปางก่อนโน้น ได้เป็นผู้บกพร่อง ในศีลข้อ ๒ ธรรมข้อ ๒ ก็คือ เว้นจากการลักทรัพย์ไม่สมบูรณ์ ประพฤติมิจฉาชีพ เป็นครั้งคราว จึงเป็นเหตุให้มาเกิด เป็นคนยากจนเข็ญใจ ไร้ทรัพย์ในชาตินี้
บางคนเกิดมาถูกหลอกลวง เสียทรัพย์สินเงินทอง ตลอดถึงเสียตัว เสียความบริสุทธิ์ ก็เพราะชาติก่อนบกพร่องในศีลข้อ ๓ ไม่ยินดีเฉพาะภรรยาสามีของตน จึงได้รับความชอกช้ำระกำใจ เพราะถูกหลอกลวงในชาตินี้
บางคนเกิดมาถูกใส่ความต่างๆ นานา เรื่องไม่ผิด ก็ถูกกล่าวหาว่าผิด เพราะในชาติก่อน ประพฤติผิดศีลข้อ ๔ หมายความว่า เป็นผู้ชอบพูดเท็จไม่จริง ขาดสัจจวาจา ไม่ค่อยพูดความจริง จึงเป็นผลสะท้อน ให้ถูกใส่ร้ายป้ายสี อยู่ในชาตินี้ มิได้หยุดหย่อน
บางคนเกิดมา พิการวิกลจริต เป็นใบ้ บ้า หนวก บอด ก็เพราะประพฤติผิดศีลข้อ ๕ ทำให้บกพร่องไม่สมบูรณ์ คือเว้นจากการดื่มสุราเมรัย ไม่เด็ดขาด ปราศจากสติสัมปชัญญะ ในชาติก่อน จึงพาให้มาเกิดเป็นคน มีสติวิปลาสวิกลจริตในชาตินี้ พลาดจากประโยชน์ ที่จะพึงได้พึงถึง เป็นคนที่สังคมรังเกียจ ชาวโลกไม่ต้องการ น่าเสียดายชีวิต ที่เกิดมาแล้วไร้ค่า
บางคนเกิดมาแล้ว มีอายุยืนยาวนาน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ทั้งเป็นคนร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ พร้อมยศและบริวาร ทั้งไม่มีผู้ใดหลอกลวงหรือใส่ร้ายได้ เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะดีอยู่เสมอ ก็เพราะอานิสงส์รักษาศีล ๕ และปฏิบัติเบญจธรรม ๕ อย่างมั่นคงสมบูรณ์ นั่นเอง
สายที่ ๕.ทางไปสวรรค์ ได้แก่ มหากุศล ๘ ประการ คือ
๑. เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลดีมาก คือ ผลบุญนี้ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ จะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่ำรวย ไม่อดไม่อยาก ไม่ทุกข์ไม่ยาก และมีปัญญามาก หากออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะได้บรรลุฌาน มีปฐมฌาน เป็นต้น หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๒. เวลาทำบุญมีความดีใจ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้คิดทำบุญเอง มีผู้มีชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๒ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ จะร่ำรวยมั่ง มีศรีสุข และจะมีปัญญาดี แต่เป็นที่ ๒ เพราะยังมีคนเก่งกว่าฉลาดกว่า หากออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะได้บรรลุฌานในชาตินั้น หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๓. เวลาทำบุญมีใจเฉยๆ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๓ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ นำไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ มั่งมีศรีสุข และจะมีสติปัญญาดีเป็นที่ ๓ เพราะยังมีคนดีกว่า เก่งกว่า เฉียบแหลมกว่า หากออกเจริญสมถกรรมฐาน จะได้ฌาน หากออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๔. เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ปรารถนาให้ได้มรรค ผล นิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๔ สามารถนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ และมีสติปัญญาดี เป็นที่ ๔ ถ้าออกเจริญสมถกรรมฐาน จะได้ฌาน ถ้าออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น
๕. ในเวลาทำบุญ มีความดีใจ ไม่ปรารถนามรรค ผล นิพพาน คิดทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ขาดปัญญา ได้ผลเป็นที่ ๕ สามารถจะนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์จะร่ำรวย มั่งมีศรีสุข แต่ขาดปัญญา คือ ไม่มีปัญญาที่จะได้ฌาน ได้มรรค ผล นิพพาน หมายความว่า ถ้าออกเจริญสมถกรรมฐาน ก็จะไม่ได้ฌาน ถ้าออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ก็จะไม่ได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยให้ได้ฌาน ให้ได้มรรค ผล นิพพานในชาติต่อไปได้
๖. เวลาทำบุญ มีความดีใจ ไม่ปรารถนามรรค ผล นิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ขาดปัญญา ได้ผลเป็นที่ ๖ สามารถจะไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าไปเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะร่ำรวย มั่งคั่งสมบูรณ์ มั่งมีศรีสุข แต่ขาดปัญญา คือ ไม่มีปัญญาที่จะให้ได้ฌาน ได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัยให้ได้มรรค ผล นิพพาน หรือได้ฌานในชาติต่อๆ ไป
๗. เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนามรรค ผล นิพพาน ทำบุญเอง ไม่มีใครมาชักชวนให้ทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๗ ขาดปัญญา แต่สามารถนำไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะร่ำรวย มั่งมีศรีสุข แต่ไม่มีปัญญาพอ ที่จะได้บรรลุฌาน ได้บรรลุมรรค ผล นิพพานในชาตินั้น แต่จะเป็นปัจจัย ให้ได้บรรลุฌาน มรรค ผล นิพพานในชาติต่อๆ ไป
๘. เวลาทำบุญ มีใจเฉยๆ ไม่ปรารถนานิพพาน มีผู้ชักชวนจึงทำบุญ ผู้ที่ทำบุญเช่นนี้ ได้ผลเป็นที่ ๘ สามารถนำไปเกิดในสวรรค์ เป็นเทวดาก็ได้ เป็นมนุษย์ก็ได้ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะมั่งมีศรีสุข ร่ำรวย ไม่อดไม่อยาก ไม่ทุกข์ไม่ยาก แต่ขาดปัญญา ที่จะนำพาให้ได้ฌาน ให้ได้มรรค ผล นิพพาน ในชาตินั้น แต่เป็นปัจจัยในภพต่อๆ ไปได้
สายที่ ๖.ทางไปพรมโลก
ได้แก่ สมถกรรมฐาน ทางไปเกิดเป็นพรหมนั้น ต้องมีฌานเป็นหนทางไป บุคคลที่จะทำฌาน ให้บังเกิดขึ้นได้นั้น ได้แก่ พระโยคาวจร หรือเรียกว่า โยคีบุคคล ผู้ละปลิโพธ เครื่องกังวลห่วงใยต่างๆ หลีกออกจากกามารมณ์ ไปสู่เรือนว่าง หรือภูเขาที่สงบสงัด ไม่ลำบากด้วยความเป็นอยู่เรื่องอาหาร เข้าหาครูอาจารย์ ผู้พร่ำสอนสมถกรรมฐาน ซึ่งอาจารย์จะนำเอาอารมณ์กรรมฐาน ๔๐ อย่าง คือ กสิน ๑๐ อนุสสติ ๑๐ อสุภะ ๑๐ พรหมวิหาร ๔ อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑ จตุธาตุววัตถาน ๑ และอรูป ๔
สายที่ ๗.ทางไปนิพพาน ได้แก่ วิปัสสนากรรมฐาน
หนทางสายที่ ๗ นี้ จะมีขึ้น ก็ต่อเมื่อ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุบัติบังเกิดขึ้นในโลกแล้ว ทรงประกาศสัจจธรรม ชี้แนะแนวทางแห่งการปฏิบัติ เพื่อวิวัฏฏะ คือพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏฏะทุกข์ จนกระทั่งพุทธบริษัท ผู้มีสติปัญญา มีบารมี ที่สั่งสมมาดีแล้ว ได้พากันปฏิบัติตาม เป็นเหตุให้ได้บรรลุ มรรค ผล พระนิพพาน เข้าถึงความบริสุทธิ์ กลายเป็นพระอริยสงฆ์เจ้า เป็นจำนวนมาก ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า ทางไป พระนิพพาน มีแต่เฉพาะ ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น คำว่า วิปัสสนา นั้น หมายความว่า เห็นโดยวิเศษ เห็นโดยพิเศษ ซึ่งมีคำวิเคราะห์ว่า “วิเสเสน ปสฺสตีติ วิปสฺสนา” การเห็นโดยวิเศษ ชื่อว่า วิปัสสนา การเห็นโดยวิเศษนั้น ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยตา หรือเห็นอย่างธรรมดา แต่เห็นด้วยปัญญา ด้วยญาน หรือวิชชา ได้แก่ ความรู้แจ้งเห็นจริงแทงตลอด ซึ่งรูปนามนั่นเอง
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม หนทาง ๗ สาย ชีวิตหลังความตายของเรา คุณผู้ชมอยากจะเลือกเดินทางสายไหน ก็พิจารณาเอาเองน่ะครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ขอขอบคุณที่มา.. http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=54028
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น