สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่ (สัมมาสมาธิ)



สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลำดับในรูปฌานสี่

[กรณีของปฐมฌาน]
โปฏฐปาทะ ! เมื่อภิกษุนั้นมองเห็นนิวรณ์ทั้งห้าเหล่านี้ ที่ตนละได้แล้วอยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด;
เมื่อปราโมทย์เกิด ปีติย่อมเกิด; กายของผู้มีใจปีติ ย่อมสงบรำงับ; ผู้มีกายสงบรำงับ ย่อมเสวยสุข; จิตของผู้มีสุข ย่อมตั้งมั่น.
ภิกษุนั้น เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบรรลุ ฌานที่หนึ่ง อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
สัญญาในกาม อันมีในกาลก่อนของเธอนั้น ย่อมดับไป; สัจจสัญญาอันละเอียด ในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด ในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ในสมัยนั้น.
เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไป.
แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.

[กรณีของทุติยฌาน]
โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
ภิกษุ เพราะสงบวิตกวิจารเสียได้ จึงบรรลุ ฌานที่สอง อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียว ไม่มีวิตกวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่.
สัจจสัญญาอันละเอียด ในปีติและสุขที่เกิดแต่วิเวก ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้นย่อมดับไป;
สัจจสัญญาอันละเอียด ในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด ในปีติและสุขที่เกิดแต่สมาธิ ในสมัยนั้น.
เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป.
แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.

[กรณีของตติยฌาน]
โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย จึงบรรลุ ฌานที่สาม อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้บรรลุฌานนี้ เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่.
สัจจสัญญาอันละเอียด ในปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป;
สัจจสัญญาอันละเอียด ในอุเปกขาสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด ในอุเปกขาสุข ในสมัยนั้น.
เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป.
แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.

[กรณีของจตุตถฌาน]
โปฏฐปาทะ ! ข้ออื่นยังมีอีก :
ภิกษุ เพราะละสุขและละทุกข์เสียได้, เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน, จึงบรรลุ ฌานที่สี่ อันไม่ทุกข์ไม่สุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
สัจจสัญญาอันละเอียดในอุเปกขาสุข ที่มีในกาลก่อน ของเธอนั้น ย่อมดับไป;
สัจจสัญญาอันละเอียดในอทุกขมสุข ย่อมมีขึ้นในสมัยนั้น,
เธอย่อมเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด ในอทุกขมสุข ในสมัยนั้น.
เพราะการศึกษาอย่างนี้ สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้น, สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไป,
แม้นี้ ก็เป็นการศึกษา.

(ในกรณีแห่ง
อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ
และอากิญจัญญายตนะ
ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน).


- สี. ที. ๙/๒๒๖- ๒๒๗/๒๗๙ - ๒๘๒.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาค ๒ หน้าที่ ๑๓๖๓

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ (สัมมาสมาธิ)