เคล็ดลับ สู่ความสำเร็จ เส้นทางการสร้างบารมี ให้กับตัวเอง
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิดเกี่ยวกับ เส้นทางสู่ความสำเร็จ และเส้นทางการสร้างบารมี มาฝากครับ
คุณผู้ชมเคยสังเกตุไหมว่าทำไมบางคนนั้น เขาจึงประสบความสำเร็จในชีวิต และมีชีวิตที่ดี และหลายคนนั้น ก็มีบารมีมากมาย มีคนรักใคร่ ชื่นชมยินดีในความสำเร็จของเขา วันนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด จากครูบาอาจารย์มาให้รับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน ที่อยากจะเดินไป สู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ และเส้นทางของการสร้างบารมี ให้กับตัวเอง เพราะว่าเราทุกคนนั้น สามารถที่จะสำเร็จได้ และสร้างบารมีให้กับตัวเองได้ หากว่าเรามีความตั้งใจที่จะทำ เรามาดูกันครับว่า เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ และเส้นทางของการสร้างบารมีให้กับตัวเองนั้น มีอะไรบ้าง ไปชมกันเลยครับ
๑. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า การที่เราจะได้อะไร หรือจะพบกับความสำเร็จในเรื่องใด เรื่องหนึ่งแบบง่ายๆ นั้น ย่อมไม่มีสำหรับเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น มีขึ้น ที่จะได้มานั้น จะต้องใช้ความอดทน ความพากเพียรพยายาม และใช้สติปัญญา อย่างสูงสุดเข้าแลกเสมอ ถึงจะได้มา
๒. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า บนเส้นทางที่เราเดินนั้น เต็มไปด้วยขวากหนาม เต็มไปด้วยก้อนหิน ก้อนกรวดที่แหลมคม เต็มไปด้วยอุปสรรค และปัญหานานัปประการ และบนเส้นทางที่เราเดินนั้น ไม่ได้ปูด้วยพรม หรือโรยด้วยกลีบกุหลาบใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น จำต้องเดิน ด้วยความระมัดระวัง และมีสติสัมปชัญญะตลอดเวลา
๓. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ความรู้สึกท้อแท้ ท้อถอยก็ดี ความรู้สึกหมดหวัง สิ้นหวังก็ดี สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ กับจิตใจของเรา และเมื่อมีความรู้สึก เหล่านี้เกิดขึ้น ให้พึงคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดาของจิตใจ ที่ยังไม่ได้มาตฐาน ที่ยังไม่ถึงบุญ ยังไม่ถึงขั้น ถือเป็นเรื่องปกติ ที่ติดตัวเรามา หลายภพหลายชาติแล้ว ให้คิดเสียใหม่ว่า ความรู้สึกทั้งหลายเหล่านี้ คือ พลังงาน ที่จะช่วยบ่มเพาะ ช่วยให้เราเกิดพลังปัญญา เกิดกำลังใจ อย่างสูงสุดแก่เรา ได้เป็นอย่างดี
๔. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ความสะดวกสบาย สำหรับชีวิตเรานั้น ย่อมไม่มี อย่าได้คิด อย่าได้โหยหา แสวงหา ในความสะดวกสบาย เพื่อนำมาปรนเปรอ เสพสุขเป็นเด็ดขาด เพราะเมื่อเราคิดเช่นนั้น เมื่อไร เราก็จะได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อนทันที จงมีชีวิตอยู่อย่างปกติ อย่างมีความสุข ในสิ่งที่มี สิ่งที่ได้ สิ่งที่เป็น ในความไม่สะดวก ส่วนความสบายนั้น ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ดี
๕. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า โลกส่วนโลก เขาส่วนเขา เราส่วนเรา จะนำมาเปรียบเทียบ เคียงกันไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่อง ของคนละบุญ คนละวาสนา คนละบารมี คนละความสามารถ และคนละโอกาส จะให้เรา ดีเท่าเขา จะให้สำเร็จเท่าเขา จะให้ได้เท่าเขานั้น เป็นไปไม่ได้ จงพอใจในสิ่งที่ตนได้ ในสิ่งที่ตนมี และในสิ่งที่ตนเป็น
๖. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่จะทำให้เรา พบกับความเสื่อม ความฉิบหาย ความเดือดร้อนได้ นอกจากจิตของเรา ที่คิดผิด หลงผิด จิตที่คิดผิด หลงผิด นั้นคือ เหตุที่จะทำให้เรา พบกับความเสื่อม ความฉิบหาย ความเดือดร้อนได้ จิตที่ไม่เชื่อในบาปบุญคุณโทษ จิตที่ไม่เชื่อในกรรมเวร จิตที่ไม่เคารพ ในพระธรรมคำสั่งสอน จิตที่วิ่งตามอารมณ์ ของกิเลส จิตที่มากด้วยมานะ ตัณหา ทิฏฐิ นั้นแหล่ะ คือ จิตที่คิดผิด จิตที่หลงผิด
๗. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ชีวิตของเรา มีอยู่เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้ อาจจะไม่มีสำหรับเรา และในวันเดียววันนั้น คือ วันที่ดีที่สุด สำหรับชีวิตของเรา ลมหายใจ ที่เราหายใจเข้า และหายใจออกนั้น คือ พลังงาน ที่หล่อเลี้ยงชีวิตเราไว้ เพียงเพื่อให้ คิดดี ทำดี พูดดีเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อ ประโยชน์อื่นใดทั้งสิ้น
๘. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า การกระทำทุกๆ การทำ ทุกๆ คำ ที่พูดออกไป แม้แต่จิต ที่คิดด้วยก็ตาม จงให้เป็นไป เพื่อประโยชน์สุข แก่เทวดา และมนุษย์สัตว์ทั้งหลาย และเมื่อคิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว ก็จงอย่าได้ หวังผลตอบแทน ใดๆ ทั้งสิ้น จงมองให้เห็น แม้กระทั้งภาพ ที่กำลังหยิบยื่นไป เขารับไป ได้ไม่กี่วินาที แล้วเขากลับมาด่า เสียๆ หายๆ ก็จงอย่าได้เสียใจ อย่าได้น้อยใจ ในความดี ที่เราได้ทำ ไปเป็นเด็ดเข็ด เพราะเมื่อเราเสียใจ เสียดาย หรือไม่พอใจ มันจะเป็นเหตุ ให้บุญบารมี คุณธรรมของเรา เสื่อมได้ หมดได้ หกได้ และหายได้
๙. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง ที่เราทำลงไปนั้น อย่าได้หวังว่า จะมีใครเห็นดีเห็นงามด้วย หรือจะรอใคร มาให้กำลังใจเด็ดขาด ทุกขณะจิต ควรน้อมนึกถึงแต่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เท่านั้นก็พอ เมื่อเราคิดถึงท่านเหล่านั้น เราจะได้รับพลังอันบริสุทธิ์จากท่าน
๑๐. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า สิ่งที่เราทำลงไปนั้น จะสำเร็จ หรือไม่สำเร็จก็ตาม จงอย่าได้ไปกังวลกับมัน จงพยายามทำให้ดีที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด มันไม่เสร็จในชาตินี้ ชาติหน้าก็ต้องสำเร็จ งานทุกๆ งาน จะต้องใช้ ความพากเพียรพยายามทั้งสิ้น ตัวงาน คือ ครู คือ อาจารย์ คือ พระธรรม ที่จะคอยสอน คอยแน่ะเรา ให้เกิดปัญญาได้เป็นอย่างดี
๑๑. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมไม่เป็นไป ดั่งใจปรารถนา ย่อมไม่มีอะไร ที่แน่นอนเสมอไป ย่อมไม่มีการได้อะไร ที่ได้มาเปล่า โดยไม่ต้องลงแรง นอน นั่ง อยู่เฉยๆ ไม่ก้าว ย่อมไป ไม่ถึงเป้าหมาย
๑๒. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ความเพียรเท่านั้น จะเป็นตัวสำเร็จ นอกจากความเพียรแล้ว อะไรก็ช่วยเราไม่ได้ แม้ไม่เห็นฝั่ง ก็ยังว่าย นั่นคือหัวใจ ของนักสร้างบารมี ที่นำไปสู่ ความสำเร็จอย่างแท้จริง
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เส้นทางแห่งความสำเร็จ และเส้นทางของการสร้างบารมี ให้กับตัวเอง เราทุกคนนั้น สามารถที่จะสำเร็จได้ หากว่าเราตั้งใจลงมือทำอย่างจริงจัง
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ขอขอบคุณที่มา ..http://www.watphramahajanaka.org/?page_id=7845
คุณผู้ชมเคยสังเกตุไหมว่าทำไมบางคนนั้น เขาจึงประสบความสำเร็จในชีวิต และมีชีวิตที่ดี และหลายคนนั้น ก็มีบารมีมากมาย มีคนรักใคร่ ชื่นชมยินดีในความสำเร็จของเขา วันนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด จากครูบาอาจารย์มาให้รับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน ที่อยากจะเดินไป สู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ และเส้นทางของการสร้างบารมี ให้กับตัวเอง เพราะว่าเราทุกคนนั้น สามารถที่จะสำเร็จได้ และสร้างบารมีให้กับตัวเองได้ หากว่าเรามีความตั้งใจที่จะทำ เรามาดูกันครับว่า เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ และเส้นทางของการสร้างบารมีให้กับตัวเองนั้น มีอะไรบ้าง ไปชมกันเลยครับ
๑. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า การที่เราจะได้อะไร หรือจะพบกับความสำเร็จในเรื่องใด เรื่องหนึ่งแบบง่ายๆ นั้น ย่อมไม่มีสำหรับเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น มีขึ้น ที่จะได้มานั้น จะต้องใช้ความอดทน ความพากเพียรพยายาม และใช้สติปัญญา อย่างสูงสุดเข้าแลกเสมอ ถึงจะได้มา
๒. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า บนเส้นทางที่เราเดินนั้น เต็มไปด้วยขวากหนาม เต็มไปด้วยก้อนหิน ก้อนกรวดที่แหลมคม เต็มไปด้วยอุปสรรค และปัญหานานัปประการ และบนเส้นทางที่เราเดินนั้น ไม่ได้ปูด้วยพรม หรือโรยด้วยกลีบกุหลาบใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น จำต้องเดิน ด้วยความระมัดระวัง และมีสติสัมปชัญญะตลอดเวลา
๓. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ความรู้สึกท้อแท้ ท้อถอยก็ดี ความรู้สึกหมดหวัง สิ้นหวังก็ดี สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ กับจิตใจของเรา และเมื่อมีความรู้สึก เหล่านี้เกิดขึ้น ให้พึงคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดาของจิตใจ ที่ยังไม่ได้มาตฐาน ที่ยังไม่ถึงบุญ ยังไม่ถึงขั้น ถือเป็นเรื่องปกติ ที่ติดตัวเรามา หลายภพหลายชาติแล้ว ให้คิดเสียใหม่ว่า ความรู้สึกทั้งหลายเหล่านี้ คือ พลังงาน ที่จะช่วยบ่มเพาะ ช่วยให้เราเกิดพลังปัญญา เกิดกำลังใจ อย่างสูงสุดแก่เรา ได้เป็นอย่างดี
๔. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ความสะดวกสบาย สำหรับชีวิตเรานั้น ย่อมไม่มี อย่าได้คิด อย่าได้โหยหา แสวงหา ในความสะดวกสบาย เพื่อนำมาปรนเปรอ เสพสุขเป็นเด็ดขาด เพราะเมื่อเราคิดเช่นนั้น เมื่อไร เราก็จะได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อนทันที จงมีชีวิตอยู่อย่างปกติ อย่างมีความสุข ในสิ่งที่มี สิ่งที่ได้ สิ่งที่เป็น ในความไม่สะดวก ส่วนความสบายนั้น ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ดี
๕. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า โลกส่วนโลก เขาส่วนเขา เราส่วนเรา จะนำมาเปรียบเทียบ เคียงกันไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่อง ของคนละบุญ คนละวาสนา คนละบารมี คนละความสามารถ และคนละโอกาส จะให้เรา ดีเท่าเขา จะให้สำเร็จเท่าเขา จะให้ได้เท่าเขานั้น เป็นไปไม่ได้ จงพอใจในสิ่งที่ตนได้ ในสิ่งที่ตนมี และในสิ่งที่ตนเป็น
๖. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่จะทำให้เรา พบกับความเสื่อม ความฉิบหาย ความเดือดร้อนได้ นอกจากจิตของเรา ที่คิดผิด หลงผิด จิตที่คิดผิด หลงผิด นั้นคือ เหตุที่จะทำให้เรา พบกับความเสื่อม ความฉิบหาย ความเดือดร้อนได้ จิตที่ไม่เชื่อในบาปบุญคุณโทษ จิตที่ไม่เชื่อในกรรมเวร จิตที่ไม่เคารพ ในพระธรรมคำสั่งสอน จิตที่วิ่งตามอารมณ์ ของกิเลส จิตที่มากด้วยมานะ ตัณหา ทิฏฐิ นั้นแหล่ะ คือ จิตที่คิดผิด จิตที่หลงผิด
๗. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ชีวิตของเรา มีอยู่เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้ อาจจะไม่มีสำหรับเรา และในวันเดียววันนั้น คือ วันที่ดีที่สุด สำหรับชีวิตของเรา ลมหายใจ ที่เราหายใจเข้า และหายใจออกนั้น คือ พลังงาน ที่หล่อเลี้ยงชีวิตเราไว้ เพียงเพื่อให้ คิดดี ทำดี พูดดีเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อ ประโยชน์อื่นใดทั้งสิ้น
๘. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า การกระทำทุกๆ การทำ ทุกๆ คำ ที่พูดออกไป แม้แต่จิต ที่คิดด้วยก็ตาม จงให้เป็นไป เพื่อประโยชน์สุข แก่เทวดา และมนุษย์สัตว์ทั้งหลาย และเมื่อคิดแล้ว ทำแล้ว พูดแล้ว ก็จงอย่าได้ หวังผลตอบแทน ใดๆ ทั้งสิ้น จงมองให้เห็น แม้กระทั้งภาพ ที่กำลังหยิบยื่นไป เขารับไป ได้ไม่กี่วินาที แล้วเขากลับมาด่า เสียๆ หายๆ ก็จงอย่าได้เสียใจ อย่าได้น้อยใจ ในความดี ที่เราได้ทำ ไปเป็นเด็ดเข็ด เพราะเมื่อเราเสียใจ เสียดาย หรือไม่พอใจ มันจะเป็นเหตุ ให้บุญบารมี คุณธรรมของเรา เสื่อมได้ หมดได้ หกได้ และหายได้
๙. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่าง ที่เราทำลงไปนั้น อย่าได้หวังว่า จะมีใครเห็นดีเห็นงามด้วย หรือจะรอใคร มาให้กำลังใจเด็ดขาด ทุกขณะจิต ควรน้อมนึกถึงแต่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เท่านั้นก็พอ เมื่อเราคิดถึงท่านเหล่านั้น เราจะได้รับพลังอันบริสุทธิ์จากท่าน
๑๐. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า สิ่งที่เราทำลงไปนั้น จะสำเร็จ หรือไม่สำเร็จก็ตาม จงอย่าได้ไปกังวลกับมัน จงพยายามทำให้ดีที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด มันไม่เสร็จในชาตินี้ ชาติหน้าก็ต้องสำเร็จ งานทุกๆ งาน จะต้องใช้ ความพากเพียรพยายามทั้งสิ้น ตัวงาน คือ ครู คือ อาจารย์ คือ พระธรรม ที่จะคอยสอน คอยแน่ะเรา ให้เกิดปัญญาได้เป็นอย่างดี
๑๑. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมไม่เป็นไป ดั่งใจปรารถนา ย่อมไม่มีอะไร ที่แน่นอนเสมอไป ย่อมไม่มีการได้อะไร ที่ได้มาเปล่า โดยไม่ต้องลงแรง นอน นั่ง อยู่เฉยๆ ไม่ก้าว ย่อมไป ไม่ถึงเป้าหมาย
๑๒. ขอให้จดจำไว้เสมอว่า ความเพียรเท่านั้น จะเป็นตัวสำเร็จ นอกจากความเพียรแล้ว อะไรก็ช่วยเราไม่ได้ แม้ไม่เห็นฝั่ง ก็ยังว่าย นั่นคือหัวใจ ของนักสร้างบารมี ที่นำไปสู่ ความสำเร็จอย่างแท้จริง
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เส้นทางแห่งความสำเร็จ และเส้นทางของการสร้างบารมี ให้กับตัวเอง เราทุกคนนั้น สามารถที่จะสำเร็จได้ หากว่าเราตั้งใจลงมือทำอย่างจริงจัง
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ขอขอบคุณที่มา ..http://www.watphramahajanaka.org/?page_id=7845
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น