บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้มีคติธรรมและข้อคิด เรื่องบาปกรรม ของการเป็นชู้ คบชู้ และนอกใจ มาฝาก ครับ



เรื่องบาปกรรม ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจนั้น เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ผมได้จัดทำหลายครั้ง เนื่องจากได้เห็นผลกระทบที่เลวร้าย ของหลายๆคน ที่เดินทางผิด และก็ยังได้แรงบันดาลใจ จากคุณผู้ชม หลายๆ ท่าน ที่ติดตามรับชม แล้วก็ได้มาเล่าประสบการณ์ชีวิตจริง เพื่อเป็นข้อคิดเตือนสติให้กับคนที่หลงผิด ซึ่งแรกๆ ของการเป็นชู้ คบชู้ หรือนอกใจนั้น ชีวิตของหลายๆ คน ก็อาจจะดี แต่ไม่นานทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คิดว่าดี ก็กลับกลายเป็นเลวร้าย ซึ่งหลายๆ คนนั้น ก็มีสภาพที่ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่คนที่แอบไปคบกัน ก็ทะเลาะวิวาทเลิกรากันไป แถมครอบครัวแตกแยก การงานก็ล้มเหลว เพื่อนฝูงไม่มีใครคบ ถุกนินทาว่าร้าย ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งก็เกิดจาก การไม่ซื่อสัตย์ ต่อคนรักของตนเอง เกิดจากการมักมากในกาม หรือเกิดจากความเหงา ที่เป็นข้ออ้างของคนที่คิดนอกใจ หรือคิดคบชู้ เป็นชู้ คลิบนี้ ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด ของครูบาอาจารย์ มาให้รับชมอีกครั้ง เผื่อจะเป็นประโยชน์ และข้อคิดให้กับทุกท่าน ก่อนที่จะหลงผิด หรือที่หลงผิดไปแล้ว จะได้เป็นข้อคิดเตือนใจ หรือได้คิดไตร่ตรอง เพราะการผิดประเวณีนั้น ถือว่าเป็นอาชญากรรมต่อสังคมอย่างหนึ่ง ซึ่งจะสร้างความเสียหาย ให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง เพราะถ้ามนุษย์เรา มั่วสุมกันแต่ในเรื่องเพศ ใครจะไปร่วม หลับนอนกับใครก็ได้ ก็จะทำให้สังคมเสื่อมโทรม ทำลายระบบของครอบครัว ทำลายระบบคู่สามีภรรยา และลูกๆ ทั้งหลาย และนำไปสู่ การทำให้สังคมทั่วไป ในโลกนี้ ต้องพบความหายนะ เหมือนดังที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน และหนทาง ที่จะนำไปสู่ความชั่วนั้น ก็มีอยู่ ๔ อย่างด้วยกัน คือ
๑. ด้วยสายตา
๒. ด้วยความคิด จินตนาการ
๓. ด้วยคำพูด
๔. ด้วยการปฏิบัติ
ซึ่งทั้ง ๔ ประการนี้ คือขั้นตอน ที่มนุษย์ จะไปสู่การกระทำความชั่ว ขั้นแรกนั้น เริ่มต้นด้วยสายตา คือ การมอง หลังจากนั้น ก็คือ การคิดจินตนาการ ต่อมาก็คือ คำพูด แล้วก็ตามด้วย การปฏิบัติ ในสิ่งที่ได้ก่อตัว จากสายตา จากความคิด และจากคำพูด ครูบาอาจารย์ ท่านได้ให้ข้อคิดเตือนสติ ถึงโทษ และบาปกรรมหนัก ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจนั้น มี ๓ ข้อหลักๆ ดังนี้



๑.ทุกข์ทางใจ คนที่จิต เป็นปกติสุขนั้น ไม่อาจจะคิด ลงมือคบชู้ คนที่จะคบชู้ได้ เขาจะต้องใช้จิตที่เป็นทุกข์เท่านั้น เพราะรู้กันทั้งโลกว่า เรื่องของเพศสัมพันธ์นั้น เป็นเรื่องบาดใจ แม้แต่การแตะเนื้อต้องตัว คนที่มีเจ้าของ ด้วยความกำหนัด ก็นับว่า ไม่สมควร เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า จะมากหรือน้อย ก็เป็นการล่วงละเมิด สมบัติต้องห้ามของผู้อื่น ซึ่งฝ่ายหญิงมีรูปเป็นทรัพย์ เมื่อยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าทรัพย์นั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ปกครองที่เลี้ยงดู แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นในสังคม ที่ชายหญิงต่างเลี้ยงดูตนเองได้ อันนำไปสู่ การมีสิทธิเท่าเทียมกัน ชายหญิงต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วม กล่าวคือ นับแต่การหมั้นหมาย ประกาศจองตัวกันและกันอย่างเป็นทางการ ก็ให้นับว่า ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ ในร่างกายของอีกฝ่ายเสมอกัน ห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดสัญญา ด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น และขณะเดียวกัน ถ้าคนอื่นมามีเพศสัมพันธ์ รู้ทั้งรู้ว่าหมั้นหมายกันแล้ว ก็นับว่าผิดศีลเช่นกัน เนื้อหนังของคนเรานั้น เปรียบเสมือนอาหารอันโอชะ ที่น่าแหนหวงสำหรับเจ้าของ ถ้าต้องลักกินขโมยกิน เพียงเพื่อให้หายอยาก ใจเราจะอยู่เป็นสุขไปได้อย่างไร แม้จะอิ่มหมีพีมัน ใจก็อดคิดไม่ได้ว่า เรากำลังใช้มือที่สกปรก หยิบจับอาหารใส่ปาก ทุกคำย่อมเจืออยู่ด้วยพิษ หรือเชื้อโรคที่เป็นโทษ ซึ่งให้ผลเป็นทุกข์ การสังเกต เข้ามาในตนเองนั้น จะทำให้เห็นทุกข์อย่างชัดเจน เพราะความทุกข์ เริ่มต้นตั้งแต่เมื่ออยากมีเพศสัมพันธ์ กับคนที่มีเจ้าของ สังเกตเข้ามาในตนเอง ก็จะเห็นขัดแย้ง กับส่วนลึก ที่ยังมีมโนธรรม และมโนธรรม ก็จะส่งแรงต้าน ความอยากได้ ในสิ่งที่ไม่ควรได้เสมอ และความทุกข์จะทวีตัวขึ้น เมื่อตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ กับคนมีเจ้าของ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเหมือนใจ เริ่มก้าวพ้นเขตสว่าง เข้าสู่แนวสนธยา ถึงแม้จะรู้สึกว่ามืดลง แต่ความตื่นเพริด ไปกับจินตนาการที่เร้าใจ ก็รุนหลัง ให้เรามุ่งหน้าไปเรื่อยๆ เยี่ยงคนไม่กลัวความมืดในป่ารกชัฏ เพียงเพราะ ได้กลิ่นยวนใจ ของเหยื่อล่อจากที่ตรงนั่น แล้วความทุกข์จะทวีตัวขึ้นอีก เมื่อพยายามมีเพศสัมพันธ์ กับคนที่มีเจ้าของ เราสังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นว่าเป็นการฝืนใจ เค้นราคะขึ้นมา เอาชนะความกลัว ถูกปฏิเสธ หรือกลัวถูกด่าทอ หรือกลัวถูกจับได้ แล้วความทุกข์ จะทวีตัวขึ้นถึงขีดสุด เมื่อลงมือมีเพศสัมพันธ์ กับคนที่มีเจ้าของ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นความหน้ามืด ดับสำนึกผิดชอบชั่วดีลง ราวกับทั้งชีวิต เหลือแต่การเคลื่อนไหว ตามสัญชาตญาณ ซึ่งไม่ต่างอะไร จากสัตว์โลกทั่วไป และความทุกข์ จะไม่จบโดยง่าย แม้เมื่อมีเพศสัมพันธ์ กับคนที่มีเจ้าของสำเร็จ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นความรู้สึก ไม่ดี น่าดูถูก ผิดที่ผิดทาง หรือกระทั่ง ชวนให้ขยะแขยง และที่สำคัญ คือ รู้สึกว่าจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ จะให้ใครรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะผู้เป็นเจ้าของ ถ้าคนที่มีเจ้าของ ไม่ค่อยมีเสน่ห์ในทางเพศมาก การสำนึกผิดชอบชั่วดี ก็มักจะกลับมาเร็ว และจะรู้สึกแย่ กับพฤติกรรมของตนเอง แต่ถ้าคนที่มีเจ้าของ เป็นพวกมีเสน่ห์ทางเพศสูง การสำนึกผิดชอบชั่วดี ก็มักจะถูกกดไว้ ใจนั้นจะทะยานต่อตามแรงฉุด จากเสน่ห์ทางเพศของอีกฝ่าย กระทั่งพุ่งลิ่ว ไปบนเส้นทางเห็นผิดเป็นชอบ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว และกว่าจะรู้สึกตัวว่าหลงเดิน อยู่บนเส้นทางอันเน่าเหม็น และระทมทุกข์ ก็ตกอยู่ในเงามืด จนยากที่จะคลำหาเส้นทางใหม่เสียแล้ว

๒. การสั่งสมบาป เมื่อเราทราบแล้วว่า ความมืดเป็นเครื่องหมายของบาป เราก็สามารถ สำรวจใจตนเอง แล้วทราบได้ว่า การผิดประเวณีนั้นมันเป็นบาป เพราะไม่มีการผิดประเวณีครั้งใด ที่ทำให้จิตของเราสว่างขึ้น มีแต่จะหม่นหมองลง และไม่มีแก่ใจ ที่จะคิดอะไรในทางที่ดี ในทางที่เจริญได้ และแรงผลักดันให้ผิดประเวณีได้ ก็คือ ราคะ ซึ่งราคะ จะต้องชนะความยับยั้งชั่งใจ ในทางเพศ จึงได้ขับให้เรา ก่อบาป ด้วยการผิดประเวณี ความยับยั้งชั่งใจในทางเพศ เป็นสิ่งที่มนุษย์ มีกันโดยธรรมชาติ แม้แต่เด็กเพิ่งรู้ความ ก็ทราบได้ว่า ไม่ควรให้คนแปลกหน้า มาจับต้องอวัยวะเพศของตน และตนเอง ก็ไม่ควรถือวิสาสะ ไปลูบคลำ อวัยวะเพศของใคร การกล้าทำ ถือว่า เป็นความทะลึ่งที่ผิดธรรมดา และที่น่ากลัวก็คือ บาปกรรมนั้น สามารถสั่งสมตัวได้ ซึ่งหมายความว่า ยิ่งเราผิดประเวณีมากขึ้นเท่าไร ใจของเรา ก็ยิ่งยับยั้งชั่งใจ น้อยลงเท่านั้น มองไปทางไหน เห็นใครต่อใคร ก็กลายเป็นวัตถุทางเพศ ที่น่าลิ้มลอง ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่า เขามีเจ้าของแล้วก็ไม่สน ไม่รู้สึกว่าเป็นกำแพงที่กีดขวาง ที่มีสาระสำคัญอันใด แม้จะแกล้งเอาไหล่ไปเฉียดแขน คนที่เราเห็นอยู่ว่า เขาเดินมากับคู่ครอง ไหล่ของเราก็ได้ชื่อว่า เป็นเครื่องรับเชื้อโรค ทางวิญญาณแล้ว เมื่อเพาะเชื้อโรคแล้ว ก็ลุกลามใหญ่โต จนครอบใจได้ทั้งดวง เราจะรู้สึกว่า ตัวเราสกปรก แม้จะอาบน้ำ ชำระสะสางกาย ได้สะอาดสะอ้าน ก็เหมือนทั้งตัว เต็มไปด้วยยางเหนียวเหนอะหนะ ที่แกะไม่ออก บางคนถึงขั้น ที่กลิ่นตัวเหม็นแปลกๆ ถึงจะฟอกถูด้วยสบู่หอม กลิ่นเหม็น ก็ไม่จางหายไป เพราะความคิด ในทางผิดประเวณีนั้น จะลดความฉลาด ในการหาคู่แท้ให้ตัวเอง หรือแม้แต่เจอคู่แท้แล้ว ก็จะไม่ฉลาด ในการรักษาไว้ และบาปกรรมที่พอกพูนขึ้น ก็จะทำให้เราสำคัญไปว่า ชีวิตจะมีสีสัน ก็ต่อเมื่อได้ลิ้มรส เพศสัมพันธ์แปลกใหม่ ที่ไม่รู้จบ ฉะนั้น เพียงไม่ตั้งใจไว้ก่อนว่า จะเว้นขาดจากการผิดประเวณี ก็นับว่ามีโทษแล้ว เพราะเมื่อถูกเร้าใจ ให้เกิดราคะอย่างแรงกล้า ความยับยั้งชั่งใจทางเพศ ย่อมลดระดับแทบไม่เหลือ ยังผลให้สติพร่าเลือนลง เปิดช่องให้ราคะเข้าครอบงำ จนตัวเองโง่เขลา หลงนึกว่าบาป แห่งการผิดประเวณีนั้น เป็นสิ่งที่สมควรทำยิ่งกว่าบุญ แห่งการระงับราคะผิดๆ ขอเพียงสบโอกาสเหมาะ แม้แต่ก่อคดีข่มขืนชำเรา ก็ยังเป็นไปได้

๓. มีความเป็นอยู่ที่เลวร้าย ไม่มีความรู้สึกอ่อนแออันใด ที่ย่ำแย่ไปกว่า ความรู้สึกอ่อนแอ ที่เกิดจากการเป็นชู้ เพราะบาปข้ออื่น ยังทำลงไปด้วยจิตใจแกร่งกล้า เช่น เราอาจฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยพละกำลัง เหนือกว่าคู่ต่อสู้ หรือเราอาจจะขโมยของ ด้วยความมุ่งมั่นที่แรงกล้า แต่ถ้ายอม ถอดเสื้อผ้าทิ้ง ความละอายบาปทางกามลงพื้น เราจะพบว่า ความเปลี้ยเพลีย หลังผิดประเวณี จะเกิดขึ้น พร้อมกับความหย่อนสำนึก ยับยั้งใจไม่ให้ไหลลงสู่ที่ต่ำ มีอาการมึนงง ปวกเปียก และเฉื่อยแฉะไร้แรง คล้ายกำลังจะทำอะไรดีๆ หรือกำลังจะต่อต้าน ความคิดที่ชั่วร้าย เหือดหายไปจากเรา เสียเกือบทั้งหมด เมื่อบาปจากการผิดประเวณี ถูกสั่งสมมามากแล้ว ผู้ผิดประเวณี ก็ย่อมเลื่อนฐานะ เป็นหญิงร้ายหรือชายโฉด ดูเผินๆ เหมือนคนกร้านโลก ไม่หยี่หระกับความประพฤติผิดใดๆ แต่ที่แท้เป็นคนบาปหนา จนความรู้สึกของเขา ด้านชากว่าคนอื่น ความด้านชา ของหญิงร้ายและชายโฉดนั้น ก็เกิดจากการหมักหมม ของคราบสกปรก ทั้งทางกายและวิญญาณ จึงย่อมก่อให้เกิด กระแสในตัวที่น่ารังเกียจ ชวนให้รู้สึกคลื่นเหียน กับความสกปรกเน่าเหม็น เฉกเช่น หมูในเล้า ที่จำต้องกินอยู่อย่างสกปรก เกือบตลอดเวลา ซึ่งการผิดประเวณีในแต่ละครั้ง ก็คือการไม่ให้เกียรติผู้อื่น และมีผลสะท้อน ให้การนับถือตนเองน้อยลง พูดง่ายๆ ก็คือ ได้สมบัติทางเพศของคนอื่นมา เพื่อเสียความนับถือของตัวเองไป จิตของหญิงร้าย และชายโฉด เปรียบเหมือน คนที่จุ่มศีรษะ ลงไปในเมือกลื่น จนชุ่มโชก ย่อมไม่ได้รู้สึก ถึงความแห้งสบาย แม้จมูกได้กลิ่นหอมของสวนดอกไม้ แต่ใจลึกๆ ก็เหมือนได้กลิ่นเหม็น ของกามผิดๆ อยู่เกือบตลอดเวลา จิตที่ชุ่มด้วยเมือกสกปรก ย่อมเหมาะกับภพใหม่ที่สกปรก ต่ำชั้น เต็มไปด้วย ความน่ารังเกียจ น่าอึดอัดระอา และอาจถึงขั้นเน่าเฟะ ถ้ายังมีวาสนาพอ จะเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ ก็ย่อมเป็นที่ชิงชัง ของผู้พบเห็น เหมือนว่าใครเห็น ก็ต่างพากัน อยากเขี่ยทิ้งด้วยเท้า ซึ่งสภาพเช่นนี้ ย่อมยากที่จะผูกมิตร แต่ง่ายที่จะผูกเวร ดึงดูดคนและสัตว์ ให้อยากเข้ามาด่า เข้ามาว่า และเข้ามาทำร้ายเป็นขบวน เพราะความผิดทางเพศ ย่อมนำไปสู่ ความผิดปกติทางเพศ ถ้ามีวาสนา ได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็อาจรังเกียจเพศของตนเอง และอยากเป็นอีกเพศหนึ่งแทน หรือโตขึ้นอาจถูกดึงดูด เข้าสู่วิถีทาง ของการเบี่ยงเบนทางเพศได้ เป็นที่ทรมานใจ ของตนเองอย่างเนิ่นนาน หากตายเยี่ยงชู้ ผู้ยังไม่อิ่มไม่พอ กับการผิดประเวณี แต่ถ้ายังพอมีบุญพยุง ไม่ให้ร่วงหล่นไปถึงนรก ก็อาจจะไปเสวยภพ ของพวกรักความสกปรก ระดับเดรัจฉานภูมิ เช่น หนอนในส้วม เป็นต้น แต่หากตายเยี่ยง หญิงร้ายและชายโฉด ผู้ล่อลวงใครต่อใคร เข้ามาร่วมบาปแห่งการผิดประเวณี ไม่เห็นแก่หัวอกหัวใจเจ้าของ ก็จัดว่า มีความเหมาะสม กับสภาพความเป็นอยู่ อันเสียดแทงเจ็บแสบ ดังเช่น นรกภูมิสถานเดียว

เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เรื่องบาปกรรม ของการเป็นชู้ คบชู้ และนอกใจคนรัก ซึ่งเป็นข้อคิดเตือนสติให้กับทุกท่าน ได้คิด ได้ไตร่ตรอง ก่อนที่จะหลงผิด หรือหากท่านใด ที่หลงผิดไปแล้ว ก็ลองคิด ลองไตร่ตรองดู

ขอบคุณสำหรับทุกท่าน ที่ได้มาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต ที่ได้เดินหลงทางผิด แล้วคิดกลับตัวกลับใจ แม้ชีวิตหลังจากที่กลับตัวกลับใจแล้ว จะต้องเจอกับวิบากกรรมอย่างมากมาย แต่ก็ยังมีใจสู้ ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และก็ไม่ย่อท้อในการสร้างความดี ก็ขอเป็นกำลังให้กับทุกท่าน ที่คิดดีทำดี ด้วยครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

ผลกรรม ของมือที่สาม นอกใจคนรักของตน

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เมื่อเป็นทุกข์ต้องทำอย่างไร

การเบียดเบียนผู้อื่น จะนำทุกข์มาให้ตนเอง

คำขอขมา และอธิษฐานจิต ถอนคำสัญญา คำสาบาน

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

คนหลายใจ ที่คบชู้ เป็นชู้ และนอกใจ บาปกรรมหนักแค่ไหน

สติปัฏฐานสี่ เป็นโคจรสำหรับสมณะ (สัมมาสติ)