สองผัวเมีย ทำบุญสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว
เพิ่มปัญญาให้ตนเอง ด้วยนิทานธรรมะ
ตอน สองผัวเมีย ทำบุญสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีนิทานธรรมะ ตอน ทำบุญสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว มาฝาก ซึ่งเป็นนิทานธรรมะ ที่ครูบาอาจารย์ท่านได้เล่าให้ฟัง เพื่อเป็นข้อคิดเตือนสติ ให้กับเราทุกคน ในเรื่องของการทำบุญ เพราะบุญนั้น มิได้วัดกันที่ค่า ของทรัพย์สินเงินทอง แต่มันอยู่ที่กำลังใจ และความศรัทธา เรื่องของการทำบุญสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว นั้น จะเป็นอย่างไร และให้ข้อคิดอะไรกับเราบ้าง ไปชมกันเลย
ในอดีตกาล ล่วงมาแล้ว สมัยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ยังทรงพระชนมายุ มีพระยาเจ้าเมือง เมืองหนึ่ง มีใจศรัทธาปรารถนา จะถวายผ้ากฐินเป็นทาน จึงได้ป่าวประกาศ ไปทั่วบ้าน ทั่วเมือง เพื่อเชิญชวนให้ชาวเมือง ได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย และข่าวนี้ ก็ทราบถึง มหาเศรษฐีสองคนผัวเมีย ผู้มีเงินทองอยู่ ๘๘ โกฏิ เขาทั้งสองคน เกิดความศรัทธา ปีติ ยินดี ในกองบุญกฐินนั้น จึงตั้งใจ ที่จะร่วมถวายทานผ้ากฐิน พอตกกลางคืน สองผัวเมีย ก็มาคิดว่า “อันตัวเรานี้ มีข้าวของมากมาย แต่ไม่มีอันใดเลย ที่หามาด้วย น้ำพักน้ำแรงของตนเอง มีแต่ใช้คนอื่นหามาให้ มันจะเกิดอานิสงส์ แก่เราทั้งสองคน มากน้อยเพียงใด”
เมื่อทั้งสองคิดได้อย่างนั้น ผู้เป็นผัวจึงชวนเมียไปว่า “ในวันพรุ่งนี้เช้า เราพากันไปเกี่ยวหญ้ามาขาย เอาเงินที่ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราไปทำบุญดีกว่า มันถึงจักได้บุญมาก” ผู้เป็นเมียเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงตอบตกลงทันที
พอรุ่งเช้าวันใหม่ ทั้งสองคน ก็พากันถือเคียว ไปเที่ยวเกี่ยวหญ้ากลางแดดร้อน จนได้หญ้ามาสามมัด แล้วจึงเอามาสาง เอามาล้าง แล้วจึงมอบให้กับคนใช้ นำไปขายให้กับคนเลี้ยงม้า จนได้เงินมาสามสลึง แล้วจึงมอบให้คนใช้สลึงหนึ่ง ส่วนผัวเอาสลึงหนึ่ง และเมียได้สลึงหนึ่ง สองคนผัวเมีย ได้เงินสองสลึงแล้ว จึงพากันนำเงินนั้น มาชำระล้างด้วยน้ำอบน้ำหอม ตั้งจิตอธิษฐาน ยกเงินขึ้นเหนือหัว แล้วตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยความปีติยินดี แล้วคิดว่า “นี่เเหละ คือเงินที่ได้มา ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เราจักได้บุญมาก” จากนั้น สองคนผัวเมียมหาเศรษฐี จึงเดินทางไปที่บ้าน ของพระยาเจ้าเมือง พอไปถึง ก็เดินเข้าไปในบ้าน ไปหยุดตรง ที่เขาตั้งขันรับบริจาค ทานบุญกฐินไว้ เขาทั้งสองคน จึงพากันหย่อนเงินทั้งสองสลึง ลงไปในขัน แล้วก็เดินออกไป
พอพระยาเจ้าเมืองเห็น จึงเดินมาดูในขัน มองเห็นเงินอยู่สองสลึง จึงเกิดโทสะ และโกรธขึ้น จนเป็นฟืนเป็นไฟ และตะโกนไปว่า “ไอ้ อี สองคนนี้ มันเป็นถึงมหาเศรษฐี มีข้าวของ ๘๘ โกฏิ มาตระหนี่ ดูถูกดูแคลนกู กูตั้งกองบุญกฐิน แต่กลับเอาเงินมาร่วมแค่สองสลึง” พอพูดจบ พระยาเจ้าเมืองก็หยิบเงินสองสลึง ขว้างทิ้งลงกับพื้น จนเงินกระเด็นไปตกข้างกำแพง และเมื่อถึงเวลา พระยาเจ้าเมือง และบริวารชาวบ้านชาวเมือง จึงพากันแห่ผ้ากฐิน เข้าไปสู่อาราม เพื่อจะถวายพระพุทธเจ้า ครานั้น ก็แผ่นดินไหวสนั่นไปทั่วเมือง บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ งอกขึ้นตรงที่เงินสองสลึงตกอยู่ พระยาเจ้าเมืองดีใจว่า “กูนี้เป็นผู้มีบุญมาก ทำบุญกฐิน แผ่นดินพอไหว ต้นไม้กัลปพฤกษ์พองอก พอพูดจบ ก็วิ่งเข้าไป หมายจักหยิบเงินทอง และข้าวของ ที่ห้อยอยู่บนกิ่งกัลปพฤกษ์ แต่พระยาเจ้าเมือง กลับเข้าไม่ถึง เกิดร้อนขึ้น ดวงตาแทบแตก และใครๆ ก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน มีแต่สองคนผัวเมียมหาเศรษฐีเท่านั้น ที่เข้าไปได้โดยที่ไม่ร้อนเลย และทั้งสองคน ก็นำต้นกัลปพฤกษ์ มาวางบนฝ่ามือได้พอดี ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งนัก
เมื่อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ตรัสว่า "เหตุที่แผ่นดินไหว และต้นกัลปพฤกษ์งอกขึ้นนั้น มิใช่เพราะนาบุญ ของท่านพระยาเจ้าเมือง แต่เป็นเพราะอานิสงส์ เงินสองสลึง ของสองคนผัวเมียมหาเศรษฐี นั่นเอง"
คนเราอย่าได้นับประมาท ดูถูก ดูแคลน คนที่เขาทำบุญน้อยนิด เพราะเขา อาจจะแลกด้วยชีวิต ถึงจะได้เงินนั้นมาทำบุญ เขาอาจจะได้ อานิสงส์มากว่าเรา ที่มีเงินแสน เงินล้านอีกก็เป็นได้
เพราะบุญนั้น มิได้วัดกันที่ค่าของทรัพย์สินเงินทอง แต่มันอยู่ที่กำลังใจ และความศรัทธา นั่นเอง ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีนิทานธรรมะ ตอน ทำบุญสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว มาฝาก ซึ่งเป็นนิทานธรรมะ ที่ครูบาอาจารย์ท่านได้เล่าให้ฟัง เพื่อเป็นข้อคิดเตือนสติ ให้กับเราทุกคน ในเรื่องของการทำบุญ เพราะบุญนั้น มิได้วัดกันที่ค่า ของทรัพย์สินเงินทอง แต่มันอยู่ที่กำลังใจ และความศรัทธา เรื่องของการทำบุญสองสลึง ทำให้แผ่นดินไหว นั้น จะเป็นอย่างไร และให้ข้อคิดอะไรกับเราบ้าง ไปชมกันเลย
ในอดีตกาล ล่วงมาแล้ว สมัยองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ยังทรงพระชนมายุ มีพระยาเจ้าเมือง เมืองหนึ่ง มีใจศรัทธาปรารถนา จะถวายผ้ากฐินเป็นทาน จึงได้ป่าวประกาศ ไปทั่วบ้าน ทั่วเมือง เพื่อเชิญชวนให้ชาวเมือง ได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย และข่าวนี้ ก็ทราบถึง มหาเศรษฐีสองคนผัวเมีย ผู้มีเงินทองอยู่ ๘๘ โกฏิ เขาทั้งสองคน เกิดความศรัทธา ปีติ ยินดี ในกองบุญกฐินนั้น จึงตั้งใจ ที่จะร่วมถวายทานผ้ากฐิน พอตกกลางคืน สองผัวเมีย ก็มาคิดว่า “อันตัวเรานี้ มีข้าวของมากมาย แต่ไม่มีอันใดเลย ที่หามาด้วย น้ำพักน้ำแรงของตนเอง มีแต่ใช้คนอื่นหามาให้ มันจะเกิดอานิสงส์ แก่เราทั้งสองคน มากน้อยเพียงใด”
เมื่อทั้งสองคิดได้อย่างนั้น ผู้เป็นผัวจึงชวนเมียไปว่า “ในวันพรุ่งนี้เช้า เราพากันไปเกี่ยวหญ้ามาขาย เอาเงินที่ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราไปทำบุญดีกว่า มันถึงจักได้บุญมาก” ผู้เป็นเมียเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงตอบตกลงทันที
พอรุ่งเช้าวันใหม่ ทั้งสองคน ก็พากันถือเคียว ไปเที่ยวเกี่ยวหญ้ากลางแดดร้อน จนได้หญ้ามาสามมัด แล้วจึงเอามาสาง เอามาล้าง แล้วจึงมอบให้กับคนใช้ นำไปขายให้กับคนเลี้ยงม้า จนได้เงินมาสามสลึง แล้วจึงมอบให้คนใช้สลึงหนึ่ง ส่วนผัวเอาสลึงหนึ่ง และเมียได้สลึงหนึ่ง สองคนผัวเมีย ได้เงินสองสลึงแล้ว จึงพากันนำเงินนั้น มาชำระล้างด้วยน้ำอบน้ำหอม ตั้งจิตอธิษฐาน ยกเงินขึ้นเหนือหัว แล้วตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยความปีติยินดี แล้วคิดว่า “นี่เเหละ คือเงินที่ได้มา ด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา เราจักได้บุญมาก” จากนั้น สองคนผัวเมียมหาเศรษฐี จึงเดินทางไปที่บ้าน ของพระยาเจ้าเมือง พอไปถึง ก็เดินเข้าไปในบ้าน ไปหยุดตรง ที่เขาตั้งขันรับบริจาค ทานบุญกฐินไว้ เขาทั้งสองคน จึงพากันหย่อนเงินทั้งสองสลึง ลงไปในขัน แล้วก็เดินออกไป
พอพระยาเจ้าเมืองเห็น จึงเดินมาดูในขัน มองเห็นเงินอยู่สองสลึง จึงเกิดโทสะ และโกรธขึ้น จนเป็นฟืนเป็นไฟ และตะโกนไปว่า “ไอ้ อี สองคนนี้ มันเป็นถึงมหาเศรษฐี มีข้าวของ ๘๘ โกฏิ มาตระหนี่ ดูถูกดูแคลนกู กูตั้งกองบุญกฐิน แต่กลับเอาเงินมาร่วมแค่สองสลึง” พอพูดจบ พระยาเจ้าเมืองก็หยิบเงินสองสลึง ขว้างทิ้งลงกับพื้น จนเงินกระเด็นไปตกข้างกำแพง และเมื่อถึงเวลา พระยาเจ้าเมือง และบริวารชาวบ้านชาวเมือง จึงพากันแห่ผ้ากฐิน เข้าไปสู่อาราม เพื่อจะถวายพระพุทธเจ้า ครานั้น ก็แผ่นดินไหวสนั่นไปทั่วเมือง บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ งอกขึ้นตรงที่เงินสองสลึงตกอยู่ พระยาเจ้าเมืองดีใจว่า “กูนี้เป็นผู้มีบุญมาก ทำบุญกฐิน แผ่นดินพอไหว ต้นไม้กัลปพฤกษ์พองอก พอพูดจบ ก็วิ่งเข้าไป หมายจักหยิบเงินทอง และข้าวของ ที่ห้อยอยู่บนกิ่งกัลปพฤกษ์ แต่พระยาเจ้าเมือง กลับเข้าไม่ถึง เกิดร้อนขึ้น ดวงตาแทบแตก และใครๆ ก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน มีแต่สองคนผัวเมียมหาเศรษฐีเท่านั้น ที่เข้าไปได้โดยที่ไม่ร้อนเลย และทั้งสองคน ก็นำต้นกัลปพฤกษ์ มาวางบนฝ่ามือได้พอดี ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งนัก
เมื่อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ตรัสว่า "เหตุที่แผ่นดินไหว และต้นกัลปพฤกษ์งอกขึ้นนั้น มิใช่เพราะนาบุญ ของท่านพระยาเจ้าเมือง แต่เป็นเพราะอานิสงส์ เงินสองสลึง ของสองคนผัวเมียมหาเศรษฐี นั่นเอง"
คนเราอย่าได้นับประมาท ดูถูก ดูแคลน คนที่เขาทำบุญน้อยนิด เพราะเขา อาจจะแลกด้วยชีวิต ถึงจะได้เงินนั้นมาทำบุญ เขาอาจจะได้ อานิสงส์มากว่าเรา ที่มีเงินแสน เงินล้านอีกก็เป็นได้
เพราะบุญนั้น มิได้วัดกันที่ค่าของทรัพย์สินเงินทอง แต่มันอยู่ที่กำลังใจ และความศรัทธา นั่นเอง ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
อยากทราบว่าเรื่องสองผัวเมียนี้อยู่ในพระไตรปกิกเล่มไหนคะ
ตอบลบ