สัมมาทิฏฐิเป็นผู้นำในการละมิจฉัตตะ (สัมมาสมาธิ)
สัมมาทิฏฐิเป็นผู้นำในการละมิจฉัตตะ
ภิกษุ ท. ! ในบรรดา องค์แห่งมรรคเหล่านั้น สัมมาทิฏฐิเป็นองค์ นำหน้า นำหน้าอย่างไร?
ภิกษุ ท. ! สัมมาสังกัปปะ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาทิฏฐิ ;
สัมมาวาจา ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาสังกัปปะ;
สัมมากัมมันตะ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาวาจา;
สัมมาอาชีวะ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมากัมมันตะ;
สัมมาวายามะ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาอาชีวะ;
สัมมาสติ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาวายามะ;
สัมมาสมาธิ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาสติ;
สัมมาญาณะ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาสมาธิ;
สัมมาวิมุตติ ย่อมมีเพียงพอ แก่ผู้มี สัมมาญาณะ.
ภิกษุ ท. ! ด้วยอาการอย่างนี้แล พระเสขะผู้ประกอบด้วยองค์แปด ย่อมเป็นพระอรหันต์ผู้ประกอบด้วยองค์สิบ.
ภิกษุ ท. ! ในบรรดา องค์แห่งมรรคเหล่านั้น สัมมาทิฏฐิเป็นองค์นำหน้า. นำหน้าอย่างไร?
ภิกษุ ท. ! มิจฉาทิฏฐิ ของผู้มีสัมมาทิฏฐิ ย่อมสลายไปไม่มีเหลือ; และบาปอกุศลธรรมทั้งหลายเป็นอเนกที่เกิดมีขึ้น เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย ของผู้นั้น ก็พลอยสลายไปไม่มีเหลือด้วย; และกุศลธรรม ทั้งหลายเป็นอเนก ที่มีสัมมาทิฏฐิเป็นปัจจัย ก็จะถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งการงอกงามขึ้นมาด้วย.
(ในกรณีที่เกี่ยวกับ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ก็ตรัสไว้ด้วยข้อความทำนองเดียวกัน จนกระทั่งถึง :-)
ภิกษุ ท. ! มิจฉาญาณะ ของผู้มีสัมมาญาณะ ย่อมสลายไปไม่มีเหลือ ; และบาปอกุศลธรรมทั้งหลายเป็นอเนก ที่เกิดมีขึ้นเพราะมิจฉาญาณะเป็นปัจจัย ของผู้นั้น ก็พลอยสลายไปไม่มีเหลือด้วย; และกุศลธรรมทั้งหลายเป็นอเนก ที่มีสัมมาญาณะเป็นปัจจัย ก็จะถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งการงอกงามขึ้นมาด้วย.
ภิกษุ ท. ! มิจฉาวิมุตติ ของผู้มีสัมมาวิมุตติ ย่อมสลายไปไม่มีเหลือ ; และบาปอกุศลธรรมทั้งหลายเป็นอเนก ที่เกิดมีขึ้นเพราะมิจฉาวิมุตติเป็นปัจจัย ของผู้นั้น ก็พลอยสลายไปไม่มีเหลือด้วย ; และกุศลธรรมทั้งหลายเป็นอเนก ที่มีสัมมาวิมุตติเป็นปัจจัย ก็จะถึงซึ่งความเต็มรอบแห่งการงอกงามขึ้นมาด้วย.
ภิกษุ ท. ! ด้วยอาการอย่างนี้แล
ธรรมเป็นฝักฝ่ายแห่งกุศล มีปริมาณยี่สิบ,
ธรรมเป็นฝักฝ่ายแห่งกุศล มีปริมาณยี่สิบ
ธรรมเป็นฝักฝ่ายแห่งอกุศล มีปริมาณยี่สิบ :
ธรรมปริยายมีปริมาณสี่สิบ อันกว้างขวาง เป็นธรรมปริยายอันเราให้หมุนไปแล้ว อันสมณะหรือพราหมณ์ หรือเทพ หรือมาร หรือ พรหม หรือใครๆ ในโลก ให้หมุนกลับไม่ได้.
- อุปริ .ม. ๑๔/๑๘๗/๒๗๙ - ๒๘๐.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาค ๒ หน้าที่ ๑๒๙๕
(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า อัฎฐังคิกมรรคมีองค์แปด ครั้นเติมเข้าอีกสององค์คือ สัมมาญาณะ แล สัมมาวิมุตติ กลายเป็นสัมมัตตะมีองค์สิบ ตลอดทั้งสายนี้ มีสัมมาทิฏฐิเป็นองค์นำหน้า องค์ที่เป็น “มิจฉา” ใดๆ ก็ตาม จะกลายเป็น “สัมมา” ขึ้นมาได้ ก็ล้วนแต่ต้องอาศัยสัมมาทิฏฐิเป็นธรรมนำหน้าด้วยกันทั้งนั้น องค์แปดเป็นธรรมสำหรับพระเสขะ องค์สิบเป็นธรรมสำหรับพระอรหันต์ เป็นหลักที่ผู้ศึกษาควรกำหนดไว้ให้ดี ).
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น