ใช้หนี้พ่อแม่ แก้ชีวิตติดๆขัดๆ ทำแล้วชีวิตเจริญรุ่งเรือง
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด
เรื่องวิธีใช้หนี้พ่อแม่ แก้ชีวิตติดๆขัดๆ ทำแล้วเจริญรุ่งเรือง
มาฝาก ครับ
หลายๆ ท่าน อาจจะมีความสงสัยว่า ทำไมชีวิตในตอนนี้ ถึงได้ทำอะไร ก็ติดๆ ขัดๆ และไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าที่ควรจะเป็น หรือบางครั้ง ชีวิตกำลังไปได้ดี แต่อยู่ๆ ก็กลับมีปัญหาเกิดขึ้น เข้ามามากมายในชีวิต คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด ของครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อคิด ให้กับทุกท่าน ในการใช้หนี้พ่อแม่ แก้ชีวิตติดๆขัดๆ เพราะบางครั้ง เราอาจจะเคยล่วงเกิน เคยทำร้าย หรือเคยพูดไม่ดี เคยดุด่าว่ากล่าวพ่อแม่ตัวเอง โดยที่ไม่ตั้งใจ จนทำให้ท่านทั้งสองนั้น เกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก ผลก็คือ ทำให้ชีวิตของเราติดๆขัดๆ ไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าที่ควร เหตุก็เพราะว่า พ่อแม่นั้น คือผู้ให้ชีวิตกับเรา เมื่อเราโตขึ้นแล้ว หน้าที่ของลูกทุกคน ก็คือ กตัญญูกตเวที คอยดูแล เลี้ยงดูท่าน เมื่อยามแก่เฒ่า และทำให้ท่านมีความสุข เพราะพ่อแม่นั้น เป็นพระอรหันต์ของลูก ซึ่งใครก็ตาม ที่เป็นคนกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า จะมีแต่เรื่องที่ดีเข้ามาในชีวิต และ ๑๐ วิธี ในการใช้หนี้พ่อแม่ เพื่อแก้ปัญหาติดๆขัดๆ ทำแล้วชีวิตเจริญรุ่งเรือง จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย
๑.สิ่งที่ควรจำไว้อันดับแรก เพื่อจะได้ไปสอนลูกหลาน ก็คือ อย่าได้ไปคิด ไม่ดีกับพ่อแม่เด็ดขาด เพราะไม่ต้อง ถึงขั้นไปทำร้ายท่าน แค่เราคิดว่า พ่อแม่ของเรานั้นไม่ดี แค่นี้ ก็จะทำให้เรา ทำมาหากินไม่ขึ้น คิดทำอะไร ก็ไม่เจริญ ชีวิตติดๆ ขัดๆ ฉะนั้น เราต้องแก้ปัญหาก่อนอันดับแรก คือ ถอนคำพูด กลับไปขอขมาลาโทษท่านเสีย แล้วหากมีโอกาส ก็เจริญกรรมฐาน เมื่อทำได้ ชีวิตก็จะดีขึ้น เจริญขึ้น มรรคผลก็จะเกิดกับตัวเอง
๒.หมั่นสร้างความดีให้กับตัวเอง นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ในการใช้หนี้ตัวเอง เพราะตัวเรานั้น พ่อให้หัวใจ และแม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลือง อยู่ในตัวเราแล้ว เราไม่ต้อง ไปแสวงหาพ่อที่ไหน ไม่ต้องไป แสวงหาแม่ที่ไหน ซึ่งบางคนนั้น รังเกียจพ่อแม่ กล่าวหา ว่าท่านแก่เฒ่า ไม่สวย ไม่หล่อ ไม่งาม แต่พอตัวเองแก่ลงบ้าง ก็เลยถูก ลูกหลานของตัวเอง รังเกียจเอา จึงเป็นกงกรรม กงเกวียน จนยืดเยื้อกัน ต่อไปอีก ไม่จบไม่สิ้น
๓.ใครที่พ่อแม่ ล่วงลับไปแล้ว ก็จงหมั่น ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ไปให้ท่าน และถ้าหากมีเวลา ก็อาจจะทำบุญ ด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน เพราะการทำเช่นนี้ ถือว่า ได้บุญอย่างมาก ทั้งฝ่ายผู้ให้ และผู้รับด้วย
๔. ผู้ใดก็ตาม ที่พ่อแม่ ยังมีชีวิตอยู่ ควรหาโอกาส กลับไปหาพ่อแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน ชีวิตจะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดี ไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพ ไปกราบขออโหสิกรรมกับท่าน และล้างเท้าให้ท่านด้วย เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษ
๕. บางคนนั้น คิดลืมพ่อลืมแม่ จงอย่าได้ลืมท่านเลย และการเถียงพ่อเถียงแม่นั้น ก็ไม่ดี จงสอนลูกหลาน ให้จดจำไว้ว่า อย่าได้เถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่เด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้น เราจะก้าวหน้าไม่ได้เลย มีแต่จะก้าวถอยหลังอย่างเดียว
๖.จงจำเอาไว้ว่า เมื่อเราแยกครอบครัว ไปมีสามีหรือภรรยาแล้ว ก็อย่าได้ลืม กลับไปหาพ่อกับแม่ และเมื่อมีเวลาว่างตอนไหน ก็หมั่นแวะไปหาพ่อกับแม่ และที่สำคัญ เมื่อถึงวันเกิดของตัวเอง หรือลูกหลาน ก็จงอย่าลืม เอาของไปให้พ่อกับแม่รับประทาน อย่ามัวแต่กินเหล้า จนลืมพ่อกับแม่
๗. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้น เป็นมงคลนาม หากไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะชื่อ เป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเราเท่านั้น ขอให้เชื่อในเรื่องของการทำความดี ได้ดี
๘. ของดี ของปู่ ย่า ตา ยาย ก็อย่าได้เอาไปทำลาย ของพ่อแม่ก็อย่าไปทำลาย พ่อแม่ให้อะไร ก็เอาไว้ก่อน อย่าได้ไปคิดทำลาย ถึงแม้จะเป็นแค่ถ้วย เมื่อพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึก ก็ยังดี อย่าได้เอาไปทิ้งไปขว้าง
๙. ถ้าต้องการความเจริญก้าวหน้า จงจำไว้ว่า คนเรามี ๒ ก้าว ก็คือ ก้าวขึ้น หรือก้าวลง ก้าวลงนั้นมันง่าย ก้าวขึ้นมันยาก ความชั่วมันทำง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นเพิ่มบุญกุศลให้ตัวเอง หมั่นสวดมนต์ทุกวัน อานิสงส์ผลบุญนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงาน จะเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง และจิต ก็จะเป็นสมาธิได้เร็วด้วย
๑๐.คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ ส่วนคนที่ชอบเถียงพ่อเถียงแม่นั้น จะเอาดีไม่ได้ และคนที่ไม่พูดกับพ่อแม่ ถึงแม้จะนั่งกรรมฐานเป็นร้อยปี ก็จะไม่ได้อะไรเลย ถ้าไม่ขออโหสิกรรม เพราะฉะนั้น จงขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ ที่คิดไม่ดี กับครูบาอาจารย์ ที่คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ เอาน้ำไปหนึ่งขัน เอาดอกมะลิโรย แล้วท่องว่า กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วหลังจากนั้น ก็เอาน้ำรดมือรดเท้า เป็นอันเสร็จ
บางคนนั้น เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย แต่ก็ยัง จะไปทวงนา ทวงไร่ ทวงบ้าน ทวงรถ มาเป็นของตัวเองอีก หรือ ตัวเองก็ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ ก็ยังจะคิดไปทวงหนี้พ่อแม่ ทั้งที่พ่อแม่ให้แล้ว นั้นคือให้ชีวิต เรียนจนสำเร็จแล้ว ก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้ และเมื่อมีหนี้ติดค้างพ่อแม่ รับรองว่า ทำมาหากินไม่ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะหนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือที่จะนับประมาณ นั่นก็คือ หนี้บุญคุณ ของพ่อและแม่ เพราะฉะนั้น จงใช้หนี้พ่อแม่ เพื่อแก้ชีวิตติดๆ ขัดๆ ทำแล้ว ชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรือง ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
หลายๆ ท่าน อาจจะมีความสงสัยว่า ทำไมชีวิตในตอนนี้ ถึงได้ทำอะไร ก็ติดๆ ขัดๆ และไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าที่ควรจะเป็น หรือบางครั้ง ชีวิตกำลังไปได้ดี แต่อยู่ๆ ก็กลับมีปัญหาเกิดขึ้น เข้ามามากมายในชีวิต คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด ของครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อคิด ให้กับทุกท่าน ในการใช้หนี้พ่อแม่ แก้ชีวิตติดๆขัดๆ เพราะบางครั้ง เราอาจจะเคยล่วงเกิน เคยทำร้าย หรือเคยพูดไม่ดี เคยดุด่าว่ากล่าวพ่อแม่ตัวเอง โดยที่ไม่ตั้งใจ จนทำให้ท่านทั้งสองนั้น เกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก ผลก็คือ ทำให้ชีวิตของเราติดๆขัดๆ ไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าที่ควร เหตุก็เพราะว่า พ่อแม่นั้น คือผู้ให้ชีวิตกับเรา เมื่อเราโตขึ้นแล้ว หน้าที่ของลูกทุกคน ก็คือ กตัญญูกตเวที คอยดูแล เลี้ยงดูท่าน เมื่อยามแก่เฒ่า และทำให้ท่านมีความสุข เพราะพ่อแม่นั้น เป็นพระอรหันต์ของลูก ซึ่งใครก็ตาม ที่เป็นคนกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า จะมีแต่เรื่องที่ดีเข้ามาในชีวิต และ ๑๐ วิธี ในการใช้หนี้พ่อแม่ เพื่อแก้ปัญหาติดๆขัดๆ ทำแล้วชีวิตเจริญรุ่งเรือง จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย
๑.สิ่งที่ควรจำไว้อันดับแรก เพื่อจะได้ไปสอนลูกหลาน ก็คือ อย่าได้ไปคิด ไม่ดีกับพ่อแม่เด็ดขาด เพราะไม่ต้อง ถึงขั้นไปทำร้ายท่าน แค่เราคิดว่า พ่อแม่ของเรานั้นไม่ดี แค่นี้ ก็จะทำให้เรา ทำมาหากินไม่ขึ้น คิดทำอะไร ก็ไม่เจริญ ชีวิตติดๆ ขัดๆ ฉะนั้น เราต้องแก้ปัญหาก่อนอันดับแรก คือ ถอนคำพูด กลับไปขอขมาลาโทษท่านเสีย แล้วหากมีโอกาส ก็เจริญกรรมฐาน เมื่อทำได้ ชีวิตก็จะดีขึ้น เจริญขึ้น มรรคผลก็จะเกิดกับตัวเอง
๒.หมั่นสร้างความดีให้กับตัวเอง นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ในการใช้หนี้ตัวเอง เพราะตัวเรานั้น พ่อให้หัวใจ และแม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลือง อยู่ในตัวเราแล้ว เราไม่ต้อง ไปแสวงหาพ่อที่ไหน ไม่ต้องไป แสวงหาแม่ที่ไหน ซึ่งบางคนนั้น รังเกียจพ่อแม่ กล่าวหา ว่าท่านแก่เฒ่า ไม่สวย ไม่หล่อ ไม่งาม แต่พอตัวเองแก่ลงบ้าง ก็เลยถูก ลูกหลานของตัวเอง รังเกียจเอา จึงเป็นกงกรรม กงเกวียน จนยืดเยื้อกัน ต่อไปอีก ไม่จบไม่สิ้น
๓.ใครที่พ่อแม่ ล่วงลับไปแล้ว ก็จงหมั่น ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ไปให้ท่าน และถ้าหากมีเวลา ก็อาจจะทำบุญ ด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน เพราะการทำเช่นนี้ ถือว่า ได้บุญอย่างมาก ทั้งฝ่ายผู้ให้ และผู้รับด้วย
๔. ผู้ใดก็ตาม ที่พ่อแม่ ยังมีชีวิตอยู่ ควรหาโอกาส กลับไปหาพ่อแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน ชีวิตจะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดี ไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพ ไปกราบขออโหสิกรรมกับท่าน และล้างเท้าให้ท่านด้วย เพื่อเป็นการขอขมาลาโทษ
๕. บางคนนั้น คิดลืมพ่อลืมแม่ จงอย่าได้ลืมท่านเลย และการเถียงพ่อเถียงแม่นั้น ก็ไม่ดี จงสอนลูกหลาน ให้จดจำไว้ว่า อย่าได้เถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่เด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้น เราจะก้าวหน้าไม่ได้เลย มีแต่จะก้าวถอยหลังอย่างเดียว
๖.จงจำเอาไว้ว่า เมื่อเราแยกครอบครัว ไปมีสามีหรือภรรยาแล้ว ก็อย่าได้ลืม กลับไปหาพ่อกับแม่ และเมื่อมีเวลาว่างตอนไหน ก็หมั่นแวะไปหาพ่อกับแม่ และที่สำคัญ เมื่อถึงวันเกิดของตัวเอง หรือลูกหลาน ก็จงอย่าลืม เอาของไปให้พ่อกับแม่รับประทาน อย่ามัวแต่กินเหล้า จนลืมพ่อกับแม่
๗. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้น เป็นมงคลนาม หากไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะชื่อ เป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเราเท่านั้น ขอให้เชื่อในเรื่องของการทำความดี ได้ดี
๘. ของดี ของปู่ ย่า ตา ยาย ก็อย่าได้เอาไปทำลาย ของพ่อแม่ก็อย่าไปทำลาย พ่อแม่ให้อะไร ก็เอาไว้ก่อน อย่าได้ไปคิดทำลาย ถึงแม้จะเป็นแค่ถ้วย เมื่อพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึก ก็ยังดี อย่าได้เอาไปทิ้งไปขว้าง
๙. ถ้าต้องการความเจริญก้าวหน้า จงจำไว้ว่า คนเรามี ๒ ก้าว ก็คือ ก้าวขึ้น หรือก้าวลง ก้าวลงนั้นมันง่าย ก้าวขึ้นมันยาก ความชั่วมันทำง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ เพราะฉะนั้น ต้องหมั่นเพิ่มบุญกุศลให้ตัวเอง หมั่นสวดมนต์ทุกวัน อานิสงส์ผลบุญนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงาน จะเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง และจิต ก็จะเป็นสมาธิได้เร็วด้วย
๑๐.คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ ส่วนคนที่ชอบเถียงพ่อเถียงแม่นั้น จะเอาดีไม่ได้ และคนที่ไม่พูดกับพ่อแม่ ถึงแม้จะนั่งกรรมฐานเป็นร้อยปี ก็จะไม่ได้อะไรเลย ถ้าไม่ขออโหสิกรรม เพราะฉะนั้น จงขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ ที่คิดไม่ดี กับครูบาอาจารย์ ที่คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ เอาน้ำไปหนึ่งขัน เอาดอกมะลิโรย แล้วท่องว่า กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วหลังจากนั้น ก็เอาน้ำรดมือรดเท้า เป็นอันเสร็จ
บางคนนั้น เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย แต่ก็ยัง จะไปทวงนา ทวงไร่ ทวงบ้าน ทวงรถ มาเป็นของตัวเองอีก หรือ ตัวเองก็ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ ก็ยังจะคิดไปทวงหนี้พ่อแม่ ทั้งที่พ่อแม่ให้แล้ว นั้นคือให้ชีวิต เรียนจนสำเร็จแล้ว ก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้ และเมื่อมีหนี้ติดค้างพ่อแม่ รับรองว่า ทำมาหากินไม่ขึ้นอย่างแน่นอน เพราะหนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือที่จะนับประมาณ นั่นก็คือ หนี้บุญคุณ ของพ่อและแม่ เพราะฉะนั้น จงใช้หนี้พ่อแม่ เพื่อแก้ชีวิตติดๆ ขัดๆ ทำแล้ว ชีวิตจะได้เจริญรุ่งเรือง ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น