ฟังธรรมะ ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ เหตุเกิดจากอะไร

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด เรื่องที่เราฟังธรรมะ ไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ ว่าเหตุเกิดจากอะไร มาฝาก ครับ



ตุ่มที่มันคว่ำอยู่ เวลาจะเทอะไร หรือเอาอะไรใส่ลงไป มันก็จะเข้าไม่ได้ เพราะว่าตุ่มมันคว่ำอยู่ ดังเช่น จิตใจที่ปิด ไม่เป็นหนึ่ง เมื่อมันไม่เปิด ฟังธรรมแล้ว ก็จะไม่เข้าใจ คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิดของครูบาอาจารย์ แบบสั้นๆ พอที่จะเข้าใจได้ง่าย มาให้ทุกท่านได้รับชม ว่าเหตุ ที่เราฟังธรรมะแล้ว ไม่เข้าใจนั้น เป็นเพราะอะไร เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน ในการฟังธรรมะ เพราะบางครั้ง ที่เราฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง และไม่สามารถ จะทำความเข้าใจ ให้ถูกต้องได้ว่า ข้อนี้เป็นอย่างไร ข้อนั้นหมายความว่าอย่างไร บางครั้ง ก็ยังเข้าใจผิดเพี้ยน แล้วเอาความเข้าใจผิดนั้น มาถือว่า ตัวเราเองเข้าใจถูก ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าเรา ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง คือ ไม่เข้าถึง นิยามที่ถูกต้อง ไม่เข้าถึง ในระบบกุศลธรรมที่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตาม สัมมันตะนิยาม คือ ระบบแห่งความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าไม่เป็นไปตามนั้น ก็ถือว่าไปไม่ได้ และไม่เข้าใจ หรือไปในเรื่องใหม่ ไปในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร หรือไปไม่ถูกที่ ไปไม่ถูกทาง ซึ่งเป็นลักษณะของมิจฉาทิฏฐิ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องตรวจสอบตัวเองดูว่า ที่เราฟังธรรมะไม่เข้าใจนั้น มันเป็นเพราะเหตุอะไร



พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ถ้าเรามัว แต่สนใจคำพูด เราจะไม่เข้าใจ อย่างเช่น สัมมันตะนิยาม คืออะไร อุปทาน แปลว่าอะไร หรือ อวิชชา หมายความว่าอย่างไร ซึ่ง ถ้าเรามัวแต่สนใจ ในคำพูดเหล่านี้ และอยากรู้ แต่ความหมายของคำนั้น คำนี้ เมื่อแปลไม่ได้ ไม่เข้าใจในความหมาย จิตใจของเรา ก็ติดอยู่ที่คำศัพท์นั้น แล้วก็จมปลักอยู่ตรงนั้น ในที่สุด ก็ไปต่อไม่ได้ สุดท้ายก็จะไม่เข้าใจ หรือบางคน มัวแต่สนใจผู้พูด คิดแต่ว่า ทำไมเสียงของเขา เป็นอย่างนี้ ทำไมหน้าตาของเขา เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาพูด ในเรื่องเช่นนี้ สนใจแต่ผู้พูด มองดูแต่ผู้บรรยาย จนทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง เพราะว่ามัวแต่สนใจผู้พูด หรือบางคน ก็มัวแต่สนใจกับตัวเอง เมื่อได้ฟังธรรม ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา แล้วก็ไปสนใจในเรื่องอื่น หรือบางคน ก็คิดแต่ว่า ตนเองนั้น มีบุญวาสนาน้อย สงสัยว่าตนเอง จะเข้าใจในธรรมะได้หรือไม่ หรือเป็นคนที่มีจิตใจฟุ้งซ่าน มีจิตใจไม่เป็นหนึ่ง เมื่อเวลาฟังธรรมะ ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย คิดเรื่องนั้น คิดเรื่องนี้ จนจับกระแส แห่งธรรมะไม่ได้ ไม่หมด พระพุทธเจ้า ท่านเปรียบเทียบไว้ เหมือนกับตุ่ม ที่มันคว่ำอยู่ เวลาจะเทอะไร หรือใส่อะไรลงไป มันก็จะเข้าไม่ได้ เพราะว่าตุ่มมันคว่ำอยู่ ดังเช่น จิตใจที่ปิด ไม่เป็นหนึ่ง เมื่อไม่เปิด จะฟังธรรมอย่างไร ก็ไม่เข้าใจ

บางครั้งเรา สำคัญตนว่า รู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ คิดว่า มันคงจะมีอยู่แค่นี้ มันคงจะมีความหมายอยู่แค่นั้น สำคัญว่าตัวเองนั้นรู้ และเมื่อสำคัญว่าตัวเองรู้ ตัวเราก็จะไม่เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามา จนทำให้มีความสำคัญผิดไป แทนที่เรา จะทำให้ เข้าใจได้มากขึ้น กลับเข้าใจได้เท่าเดิม แถมยังไม่มีความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย
และอีกประการหนึ่งก็คือ การลบหลู่ในการฟังธรรม มองไม่เห็นคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้ตัวเอง มีการประมาท ทำให้มีการพลาดพลั้ง ทำให้มีการลบหลู่ เช่น ฟังธรรมบทนี้ไปแล้ว ทำไมเรา จะต้องกลับมาฟังอีก เป็นต้น ธรรมะ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้ดีแล้ว ธรรมะเป็นสิ่งที่ เชิญเข้ามาพิสูจน์ และเป็นสิ่งที่รู้ ก็รู้ได้เฉพาะตน เป็นสิ่งที่ เราควรนำมาปฏิบัติอย่างยิ่ง เราควรเอามา เข้าสู่ในใจ เพราะความละเอียด ลึกซึ้งของธรรมะนั้น มันมีมากมาย ถ้าเราคิดว่า ตัวเรานั้นรู้ธรรมะแล้ว สำคัญตนว่า รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ หรือคิดว่า อันนี้เราเคยฟังมาแล้ว หรืออันนั้น เขาก็พูดแต่เรื่องเดิมๆ เมื่อเรา ได้ลบหลู่ไปแล้ว มันก็จะทำให้เรา ไม่เข้าใจ และเมื่อมีจิตใจ มากไปด้วยความลบหลู่ ก็มีการลบหลู่คุณท่าน มีการตีตนเสมอท่าน ที่เขาไม่เรียกกันว่า อวดดี และเมื่อเราอวดดีแล้ว มันก็จะทำให้เรา ฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง

บางครั้งเวลาฟังธรรม อาจจะมีกรรม มากั้นเอาไว้ จนทำให้เราฟังธรรมไม่รู้เรื่อง เช่น เมื่อพระท่านพูดถึงเรื่องศีล ตัวเราเอง ก็เพิ่งไปทำผิดศีลมา สดๆร้อนๆ มันก็เกิดอาการร้อนใจ ในการกระทำ ที่เราได้ไปทำ ผิดศีลมา ซึ่งจุดตรงนี้แหละ ที่เป็นเครื่องกั้น ทำให้เราไม่เข้าใจ และทำให้เราร้อนใจ แล้วก็ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง และประกอบกับ เป็นคนที่บอกยาก เตือนยาก ก็ยิ่งทำให้ ฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเรา เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโอน เป็นคนที่มีจิตใจ ที่พร้อม จะรับฟังคำตักเตือนจากผู้อื่น ด้วยความเคารพหนักแน่น พอคนอื่นจี้ถูกจุด กิเลสมันก็จะหลุดออกไปได้ ความร้อนใจที่มีอยู่ ก็จะหลุดไปได้ มีความคิด ที่อยากจะแก้ไขปรับปรุงตัวเอง ซึ่งตรงนี้ ก็คือ เป็นการปฏิบัติธรรมแล้ว และการปฏิบัติธรรม ตรงที่ได้ฟังธรรมในขณะนั้น แล้วเราทำได้ ก็เป็นเพราะว่า จิตของเรา มีการน้อมไป ในการที่อยากจะฟังธรรม และที่คนอื่น เขาพูดถูก ในเรื่องที่เราทำผิดพอดี การแก้ไขมัน ก็จะเกิดขึ้น ด้วยจิตที่น้อมไปตรงนั้น แต่ถ้าจิตของเรา ยังแข็งกระด้างอยู่ จิตยังไม่ลงใจ ไม่มั่นใจ ไม่มีความเป็นหนึ่ง สนใจแต่เรื่องตัวเอง คิดว่าตัวเองนั้นรู้แล้ว และตีตนเสมอท่าน ในลักษณะนี้ ถ้าคนอื่นพูดจี้ถูกจุด ในสิ่งที่เรา ได้เคยไปทำผิดเอาไว้ มันก็จะกระด้าง ขึ้นมาทันที ทันใด นี้คือ ลักษณะกรรม ที่เราได้กระทำเอาไว้ มันจะมีความร้อนใจ ร้อนตัว เพราะมีความชั่วบดบังเอาไว้ ก็เลยทำให้เรา ฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง

และอีกประการหนึ่งที่สำคัญ จนทำให้เรา ฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง ก็คือ ไม่มีศรัทธา การไม่มีศรัทธานั้น ทำให้เราไม่มีความมั่นใจ หรือมีความเชื่อใจ ในคำสอนของพุทธะ พอไม่ลงใจ ไม่มั่นใจ และไม่เชื่อใจแล้ว มันก็ทำให้เราไปต่อไม่ได้ ทำให้เราตันอยู่ตรงนั้น และก็ติดอยู่ตรงนั้น ประกอบด้วย ความไม่พอใจ ในการฟังธรรม เช่น ถูกคนอื่น เขาบังคับมา จำใจมาฟัง หรือถูกยัดเยียดให้มาฟัง คือ ถ้าเราไม่มีฉันทะ มีความพอใจ มีความชอบ มีความยินดี สุดท้าย เราก็ฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง

เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เหตุที่ทำให้เรา ฟังธรรมะไม่รู้เรื่อง แบบสั้นๆ พอที่จะทำให้เราเข้าใจได้ง่าย หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ กับทุกท่านนะครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ (สัมมาสมาธิ)