การทำบุญ โดยไม่ต้องใช้เงิน เราจะต้องทำอย่างไร

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด เรื่องของการทำบุญ โดยไม่ต้องใช้เงิน ว่าเราจะต้องทำอย่างไร มาฝาก ครับ



การทำบุญในปัจจุบันนั้น หลายๆท่าน อาจจะเข้าใจว่า เราจะต้องตักบาตร หรือใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายเงินให้วัด หรือหยดตู้บริจาคเท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่าทำบุญ ซึ่งแท้จริงแล้ว การทำบุญนั้น มีมากมายหลายวิธีด้วยกัน ที่ไม่ต้องใช้เงินใช้ทอง คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรม จากครูบาอาจารย์มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิด สำหรับท่านที่อยากจะทำบุญ แต่ไม่สะดวกในเรื่องของปัจจัย หรือเงินทอง เพื่อเพิ่มบุญบารมีให้ตัวเอง ซึ่งเราสามารถสร้างบุญ ได้ถึง ๑๐ ทาง ที่เรียกว่า บุญกริยาวัตถุ ๑๐ เพื่อกำจัดเครื่องเศร้าหมอง อันมี ความโลภ (โลภะ) ความโกรธ (โทสะ) ความหลง (โมหะ) และบุญทั้ง ๑๐ ประการนั้น มีเพียงข้อเดียวเท่านั้น ที่เราต้องใช้ หรือเสียสละทรัพย์สินเงินทอง แต่อีก ๙ วิธีนั้น ล้วนแต่ใช้พฤติกรรม และจิตใจของเรา โดยไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเงินทอง ทำบุญแต่อย่างใด และเราก็สามารถ ทำบุญได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด เราก็ทำใด้ ซึ่งบุญ ที่เราไม่ต้อง ใช้ทรัพย์สินเงินทอง ในการทำบุญนั้น มี ๙ ข้อ ดังนี้

๑. ความเป็นผู้นอบน้อม ต่อผู้ที่ควรนอบน้อม (อปจายนมัย) การประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ การให้ความเคารพ ผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ เมื่อเราเป็นผู้อ่อนน้อม ถ่อมตน แล้ว จะทำให้จิตใจของเรานั้น อ่อนโยนลง ทำให้เราเข้าใจถึง ความสำคัญของบุคคลอื่น ไม่ทำร้ายบุคคลอื่น และเราจะไม่หลงตนเอง

๒. การฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย) การตั้งใจฟังธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน หรือที่เคยฟังแล้ว ก็รับฟังเพื่อได้รับความกระจ่างมากขึ้น บรรเทาความสงสัยและทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น จนเกิดปัญญาหรือความรู้ก็พยายามนำเอาความรู้ และธรรมะนั้นนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ สู่หนทางเจริญต่อไป ไม่ว่าจะฟังธรรมโดยตรง หรือ จากสื่อต่างๆ ก็จัดว่า เป็นการฟังธรรมทั้งสิ้น การฟังธรรม และนำธรรมะที่ได้รับนั้น ไปปฏิบัติ จะทำให้เรามีจิตใจที่อ่อนโยน มีการประพฤติปฏิบัติตนได้ถูกต้อง ไม่ทำผิดศีล เกรงกลัวต่อบาป และยังทำให้ เรามีสติ มีสมาธิ อีกด้วย

๓. ศีล หรือ การรักษาศีล (ศีลมัย) เพื่อกำจัดความโกรธ การตั้งใจรักษาศีล และการปฏิบัติตนไม่ให้ละเมิดศีล เพื่อรักษากาย วาจา และใจ ให้บริสุทธิ์สะอาด อย่างเช่น การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการลักทรัพย์ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม งดเว้นจากการพูดเท็จ หรือ พูดส่อเสียด และ งดเว้นจากการดื่มสุรา หรือ เสพสิ่งเสพติด เป็นต้น

๔. การให้บุญที่ตนถึงแล้ว แก่บุคคลอื่น (ปัตติทานมัย) การอุทิศส่วนบุญกุศลที่ได้กระทำไว้ ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง การบอกให้ผู้อื่นได้ร่วมอนุโมทนาด้วย ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ เช่นการอุทิศแผ่ส่วนบุญ ส่วนกุศล การกวดน้ำ เป็นต้น การทำเช่นนี้ ทำให้จิตใจของเรานั้น มีความอ่อนโยน ปราถนาดี ให้กับบุคคลอื่น ต้องการให้บุคคลอื่น มีความสุขเช่นเดียวกันตน เมื่อจิตใจเป็นเช่นนี้ การทำผิดศีล ก็จะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังสร้างความเมตตา กรุณา ในใจของเราอีกด้วย

๕. ภาวนา หรือ การนั่งสมาธิ วิปัสนา (ภาวนามัย) เป็นการอบรมจิต ทำให้เรามีความรู้ ความเข้าใจ เพื่อกำจัด ความหลง อบรมจิตใจ ในการละกิเลส ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น โดยใช้สมาธิปัญญา รู้ทางเจริญและทางเสื่อม เป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์

๖. ความขวนขวายในกิจ หรือ งานที่ควรกระทำ (เวยยาวัจจะ) การกระทำสิ่งที่เป็นคุณงามความดี ที่เกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม การงานที่ทำ ไม่ว่าจะทำงานอะไร ก็ตั้งใจทำงานนั้น ให้ประสบความสำเร็จ มุ่งมั่นตั้งใจ จะทำให้ จิตใจของเรานั้น มีสมาธิในช่วงเวลาของการทำงาน ซึ่งจะเป็นการฝึกสมาธิอีกทางหนึ่ง

๗. การยินดี ในบุญที่คนอื่นถึงพร้อม (ปัตตานุโมทนามัย) การได้ร่วมอนุโมทนา เช่น กล่าวว่า “สาธุ” เพื่อเป็นการยินดี ยอมรับความดี และขอมีส่วนร่วมในความดีของบุคคลอื่น ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็ขอให้ได้มีโอกาส ได้แสดงการรับรู้ วยใจปีติยินดีในบุญกุศลนั้น ผลบุญก็จะเกิดแก่บุคคลที่ได้อนุโมทนาบุญนั้นเองด้วย เช่น เห็นคนอื่น ทำบุญตักบาตร เมื่อเราปลื้มปิติยินดี ก็กล่าวอนุโมทนา เพียงเท่านี้ ก็ได้บุญแล้ว เพราะการยินดีกับบุญ ที่บุคคลอื่นทำนั้น หมายถึง เรามีมุทิตาจิต ทำให้จิตใจเราผ่องใสขึ้น ทำให้ละความโกรธ และ ความหลง ลงได้

๘. การกระทำความเห็นให้ตรง หรือ สัมมาทิฏฐิ (ทิฏฐุชุกรรม) การมีความคิดเห็นที่ตรง ที่ถูกต้องนั้น จะทำให้เราประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นคนดี สามารถละเว้นความชั่ว หรือ ทิฏฐิ ของตนได้ เข้าใจในเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ ซึ่งเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีความคิดเห็นที่ตรงนั้น ก็ต้องศึกษาอย่างจริงจัง และต้องหัดสังเกตุตนเองอยู่บ่อยๆ เมื่อทำเช่นนี้ ก็จะทำให้เรามีสติ อยู่กับตนเอง การมีสติ ก็จะทำให้เรางดเว้นการทำบาปทั้งปวง เช่นกันครับ

๙. การแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) ไม่ว่าจะเป็นรูปของการกระทำ หรือการประพฤติปฏิบัติ ด้วยกาย วาจา ใจ ในทางที่ชอบ ตามรอยบาทองค์พระศาสดา ให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น หรือการนำธรรมไปขัดเกลากิเลสอุปนิสัยเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น เมื่อเราได้ศึกษาธรรมะแล้ว การถ่ายทอดให้แก่บุคคลอื่น ก็นับเป็นบุญประการหนึ่งด้วย เพราะได้ทำให้คน อีกหลายๆ คน ได้มีมุมมอง ในการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง ตามธรรมะที่แสดงไปนั้น และเท่ากับ เป็นการสืบทอดพระศาสนา ของพระบรมศาสดาด้วย แต่ไม่ทุกคน ที่จะสามารถแสดงธรรมได้ถูกต้อง ซึ่งหากตนเองไม่เข้าใจ อย่างถ่องแท้ ก็อาจจะเพียง แนะนำให้บุคคลอื่นได้ไปอ่าน ไปศึกษา หลักธรรม เพียงเท่านี้ ก็ได้บุญแล้ว เช่นกัน



การทำบุญทั้ง ๙ วิธีที่ผ่านมานั้น เราไม่ต้องใช้ทรัพย์สินเงินทอง ในการทำบุญแต่อย่างใด เราสามารถทำบุญได้ทุกที่ และทุกเวลา ส่วนการทำบุญ ในข้อที่ ๑๐ ที่เราอาจจะต้องใช้ทรัพย์สินเงินทอง ตามแต่กำลังที่เรามีในการทำบุญ นั้นก็คือ การทำทาน หรือ การให้ (ทานมัย) เพื่อกำจัด ความโลภ เป็นการให้สิ่งที่ตนมี หรือ ตนเป็นเจ้าของ แก่บุคคลอื่นๆ ทั้งทรัพย์สินเงินทอง ความรู้ ความสามารถ ก็สามารถให้ได้ทั้งนั้น เช่น การตักบาตร การบริจาคทรัพย์ ถวายสังฆทาน การสอน การให้การอบรมตักเตือน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็น การบริจาค การให้ (จาคะ) เพราะจะทำให้จิตใจสดชื่น แจ่มใส จากการให้ อย่างไม่หวังผลตอบแทน และ ไม่หวงแหน ทำลายความตระหนี่ได้ การเสียสละทรัพย์ สิ่งของ เงินทอง ตลอดจนกำลังกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยส่วนรวม รวมถึงการละกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ออกจากจิตใจ จนถึงการสละชีวิตอันเป็นสิ่งมีค่าที่สุดเพื่อการปฏิบัติธรรม ก็นับว่า เป็นบุญอย่างหนึ่ง

เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม การทำบุญทั้ง ๑๐ ประการ แม้เราไม่มีทรัพย์สินเงินทอง เราก็สามารถทำบุญได้ เพียงแต่ใช้พฤติกรรม และ จิตใจของเรา ก็สามารถเพิ่มบุญบารมีให้กับตัวเองได้ การให้ธรรมะนั้น ชนะการให้ทั้งปวง

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ รับชมคลิบนี้ และแชร์คลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ (สัมมาสมาธิ)