การให้อภัย เป็นการให้ที่ดีที่สุด

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมี คติธรรมและข้อคิด เรื่องของ การให้อภัย ซึ่งเป็นการให้ที่ดีที่สุด มาฝากครับ



อภัยทานนั้น เป็นทานที่ให้ ได้โดยไม่ต้องสูญเสียวัตถุ เงินทอง หรืออะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการให้ที่ยาก และยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรมจากครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน ในการดำเนินชีวิต และรู้จักการให้อภัย ซึ่งอภัยทานนั้น หมายถึง การชำระความโกรธในจิตใจ ด้วยการให้อภัยคนอื่น การให้อภัย คือ การยกโทษ ไม่ถือโทษ กับคนที่สร้างความปวดร้าวใจ สร้างความทุกข์ สร้างความเสียหายให้กับเรา การที่มนุษย์ต้องมีอภัยทาน ก็เพราะว่าคนเรา มีความบกพร่อง ไม่เพียงแต่คนเลวที่บกพร่อง แม้แต่คนดีก็บกพร่อง เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงไม่อาจหวัง ความสมบูรณ์แบบจากใครได้ รวมทั้งตัวเราด้วย ถ้าไม่ได้อย่างที่คาดหวัง หรือมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เราก็ต้องรู้จักให้อภัย ทั้งต่อตัวเอง และคนอื่น

เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีใคร จะทำอะไรให้ถูกใจเราไปได้ทุกอย่าง และเราเอง ก็ไม่สามารถทำให้คนอื่น ถูกใจไปได้ทุกคนเช่นกัน เวลาคนอื่นเขาทำผิดพลาดบ้าง บกพร่องบ้าง ทำไม่ถูกใจเราบ้าง ล่วงเกินเราบ้าง ก็อย่าไปถือสา อย่าไปโกรธเคือง หรือไปต่อว่าเขาเลย นิ่งเฉยเสีย ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้างก็ได้ อย่าไปเก็บมาใส่ใจให้มากนัก เมื่อให้อภัยเขาแล้ว คนที่สบายใจ ก็คือตัวเราเอง ผูกโกรธไว้ ก็เหมือนกับผูกโซ่ร้อนๆ ไว้ที่ใจ ทำให้ร้อนรุ่ม ด้วยแรงอาฆาตพยาบาท การที่เราโกรธใคร เราไม่ให้อภัยเขา ก็เหมือนเราไม่ยอมล้างสิ่งสกปรก ออกจากร่างกายเรา แม้ว่าเราจะไปที่ไหน สวมใส่เสื้อผ้าชิ้นใด งามเพียงไร ร่างกายของเราก็ยังสกปรก และตามไปทุกหนทุกแห่ง ความงามของเรือนร่าง ที่ประดับด้วยเครื่องเพชร และเสื้อผ้า ก็ไม่อาจทำให้ร่างกายสะอาดได้ การให้อภัย เปรียบเหมือนการอาบน้ำชำระร่างกาย

อภัยทาน เป็นทานที่ให้ ได้โดยไม่ต้องสูญเสียอะไร แต่เมื่อให้แล้ว กลับได้รับสิ่งมีค่าอย่างมหาศาล นั่นก็คือ ความสบายใจ ที่จะไม่มีเวรภัยกับใครๆ ความสุขใจที่ได้ให้อภัยแก่เขา โดยที่เขาก็รับรู้ว่า เราให้อภัยเขาแล้ว คนรับสุขใจ คนให้ก็สุขใจขึ้นทันที อภัยทาน จึงเป็นการให้ ที่ผู้ให้และผู้รับ หรือผู้ขอมีความประทับใจที่สุด ในทางพุทธศาสนานั้น การให้ที่ทำแล้วเป็น อภัยทาน ได้แก่ ให้อภัยโทษ ยอมรับการขอขมาอโหสิกรรม ไม่เบียดเบียน ไม่กระทบกระทั่ง ไม่ประทุษร้ายใครทั้งสิ้น ทำตัวของเราไม่ให้เป็นพิษเป็นภัยแก่คนอื่น อยู่ด้วยจิตที่แผ่เมตตาทุกวัน ทุกคืน ทุกลมหายใจเข้าออก สลัดความโกรธความอาฆาตจองเวร เป็นต้น

การให้อภัยเป็นการบริหารจิตโดยตรง เพราะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น มีค่าขึ้น ไม่เหมือนกับการโกรธ แล้วหายโกรธเอง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ฉะนั้นเราควรพยายามมีสติ พิจารณาหาทางให้อภัยทาน เกิดขึ้นในใจให้ได้ ก่อนที่ความโกรธจะดับไปเองเสียก่อน ขอให้เราฝึกให้อภัยทุกวัน ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรก็ตาม เมื่อเราสร้างอภัยทาน ให้เป็นลักษณะนิสัยตลอดเวลาได้แล้ว เราจะรู้สึกว่า การให้อภัยแก่ใครนั้น เป็นเรื่องง่ายดาย เป็นเรื่องธรรมดา คือทำได้โดยไม่ต้องฝืนใจทำ เมื่อเราสามารถให้อภัยทาน เป็นปกติแล้ว ชีวิตก็จะมีแต่ความสงบสุข ไม่มีเวร ไม่มีกรรมกับใคร เพราะการยอมแพ้ อาจจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

การผูกอาฆาตพยาบาท จองเวรนั้น ให้ผลข้ามภพข้ามชาติ ถ้าเราเปรียบภพชาติเหมือนคืนวัน การนอนหลับเหมือนการตาย การตื่นนอนเหมือนการเกิด ภพชาติก็ใกล้ตัวเราเข้ามา การผูกอาฆาตพยาบาท เหมือนการเข้านอน โดยไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกาย หลับก็ไม่เป็นสุข ตื่นขึ้นมาก็ไม่สดชื่น ในแต่ละวัน จิตของเราเก็บเกี่ยวเฉี่ยวโฉบอารมณ์รัก โลภโกรธ หลง อิจฉา นินทา อาฆาต พยาบาท ขุ่นแค้น ขัดเคือง นานาชนิดเอาไว้ ถ้าไม่มีวิธีชำระ ก็จะเกิดสนิมใจขึ้นมา กระทั่งไม่อาจนอนได้อย่างมีความสุข หากไม่ชำระร่างกายฉันใด ใจที่ไม่ถูกชำระ จะทำให้ฝันร้าย อารมณ์หงุดหงิดหลับไม่สนิทฉันนั้น การแสดงอภัยทาน เป็นการชำระใจ แม้จะดูพูดง่าย แต่ก็ทำได้ยาก หากไม่ฝึกทำจนเป็นปกติ เพื่อให้เข้าใจง่าย และอยากทำให้ได้ ขอให้เรามาพิจารณาเหตุผล ถึงความต่อเนื่อง ของผลกรรมที่มีผลข้ามภพข้ามชาติว่า ให้ผลเผ็ดร้อนเพียงใด และยังเป็นผล ที่เราหนีไม่ได้อีกด้วย เราต้องถามตนเองก่อนว่า เราต้องการยุติ การผลิตผลของกรรม กับคนๆ นั้น เพียงภพนี้ หรือต้องการจะพบเขา จะเจอเขาอีก ในชาติต่อๆ ไป เราต้องการจะยุติปัญหาเหล่านี้ เพียงภพชาตินี้ หรือต้องการลากยาว ไปถึงภพชาติข้างหน้า เรามีสิทธิเสรีในตัวเรา ที่จะหยุด หรือสร้างเหตุต่อไปอีก

บางคนนั้น รักมาก หลงมาก เพราะเขาดีมาก ก็ปรารถนาให้พบกันทุกภพทุกชาติ บางคน ก็อธิษฐานไม่ขอร่วมเดินทาง แต่ก็ไม่ยกโทษ ในที่สุด ผลของการไม่ยกโทษ คือไม่ยอมให้อภัย ก็เหมือนการผูก สิ่งที่เราไม่ชอบไว้ ที่เอวตนเองตลอดเวลา การให้อภัย จะทำให้เราสามารถยุติปัญหาต่างๆ ได้ เหมือนคนล้างแก้วน้ำสะอาด ทำให้เหมาะสม ที่จะรองรับน้ำบริสุทธิ์ ที่เทลงไปใหม่ เหมือนการโยนของ ที่เราไม่ชอบทิ้งเสีย โดยไม่ต้องเสียดาย



การให้อภัย คือ การแสดงกำลังใจ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ อภัยทานนั้น เวลาจะให้ไม่ต้องไปขอใคร ไม่เหมือนใครมาขอเงินเรา เราต้องควักกระเป๋าให้ แต่ให้อภัย เราไม่ต้องหาจากไหน และไม่รู้สึกว่าเป็นการสูญเสีย ขอให้เราภูมิใจเถิด เมื่อมีใครมาขอโทษ เมื่อมีใครให้อภัยเรา หรือเมื่อสำนึกได้ว่า เราได้ทำอะไรผิดพลาดไป ก็ขอโทษกัน การขอโทษ หรือการให้อภัย มิใช่การเสียหน้า หรือเสียรู้ มิใช่การได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด หากแต่เป็นการชำระใจให้สะอาด เหมือนภาชนะสกปรก ก็ชำระล้างให้สะอาด ในช่วงที่เหลืออยู่นี้ อาจจะดูเหมือนยาว แต่มีใครบอกได้ว่า เราจะอยู่ได้ปลอดภัย ถึงวันไหน เราต้องการความทรงจำที่เลวร้าย หรือต้องการความทรงจำที่ดีในชีวิต เราต้องการนั่งนอน อย่างมีความสุข มีชีวิตอยู่ด้วยความอิ่มเอิบ หรือต้องการมีชีวิตอยู่ ด้วยการถอนหายใจ ด้วยความทุกข์ และกังวลใจ สิ่งเหล่านี้กำหนดได้ที่ตัวเราเอง กำหนดวิธีคิดให้ถูกต้อง ความคิดเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก บุญหรือทุกข์ของมนุษย์ อยู่ที่วิธีคิด คิดเป็นก็พ้นทุกข์ คิดไม่เป็น แม้แต่เรื่องมิใช่เรื่อง ก็อาจเกิดเรื่องได้ ขอให้เรามาคิดดูว่า ในชีวิตของเราคนหนึ่ง อย่างเก่ง ก็อยู่ได้ ไม่เกิน 100 ปี หากเกินนี้ไป ถือเป็นกำไรชีวิต ทำไมเรา จะต้องเสียเวลา มาครุ่นคิดเรื่องไร้สาระ ทำไมเราจะต้องเสียเวลา มาทำเรื่องที่ทำให้เกิดความทุกข์

การยอมกันเสียบ้าง ก็เป็นความสุขได้ไม่ยาก เราอาจคิดว่า การให้อภัยบ่อยๆ แก่คนบางคน เขาอาจจะไม่ปรับตัว ยังก่อเหตุอยู่เสมอ งานก็ไม่สำเร็จ ยังเหลวไหลอยู่เหมือนเดิม นั่นอาจเป็นเหตุผล ในการทำงาน แต่สำหรับเหตุผลของใจนั่น เมื่อให้อภัย ใจเราก็เบา การยกโทษ อาจดูเหมือนเรายอม เราไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง แล้วจะทำให้เขากำเริบ ส่วนเราเสียเปรียบ ความจริงไม่ใช่ เรากำลังบำเพ็ญบารมีขั้นสูง คือ อภัยทาน อันเป็นทานบารมีที่สูงส่ง การยอมแพ้ อาจเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ข้ามภพชาติ ขอให้สังเกต ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เวลาเราโกรธ เกลียดพยาบาทใคร สีหน้าของเราจะเปลี่ยนไป เลือดในร่างกายจะผิดระบบ เช่น เวลาโกรธจัด จิตที่ถูกครอบงำ โดยอารมณ์ร้าย ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน คือ ความรุ่มร้อนไม่พอใจ ทำอะไร ก็กังวลเป็นทุกข์ แต่พอยกโทษให้ ก็จะรู้สึกทันทีว่า ยิ้มได้ จิตเบาสบาย ที่เปรียบกันว่า เหมือนยกภูเขา ออกจากอก รู้สึกจิตเป็นอิสระทันที เพราะหมดห่วง หมดทุกข์ หมดสนิม ที่จะกัดกร่อนจิตใจ วิธีคิด มีความสำคัญมาก สำหรับชีวิตของคน เรามักได้ยินเสมอว่า แพ้หรือชนะอยู่ที่กำลังใจ แท้จริงแล้ว คำว่ากำลังใจ ก็คือ วิธีคิดนั่นเอง พลังที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ ก็คือการที่ใจมีกำลัง มนุษย์เรา จึงต้องสร้างกำลังใจ ให้แก่กันและกัน กำลังใจเป็นสิ่งที่ให้ไม่รู้จักหมด ยิ่งเราให้คนอื่นได้มากเท่าไร กำลังใจ ก็จะยิ่งเกิดขึ้นแก่เรามากเท่านั้น เหมือนวิชาความรู้ ยิ่งให้ยิ่งพอกพูน ยิ่งหวงไว้เฉพาะตัว ก็ยิ่งหดหาย

การให้อภัย อาจพูดง่าย แต่ทำยาก แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะใจไม่อยากทำ แต่ก็สามารถทำได้ เมื่อเราฝืนใจทำ และจะเป็นความสุขใจ ในภายหลัง เมื่อครวญคำนึงถึง การตอบรับซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นความดี เป็นความรัก ความอบอุ่นก็ดีไป แต่ถ้าเป็นความเกลียด ความโกรธ สิ่งที่จะตามมา คือการรับรู้ และเก็บอารมณ์ ทั้งโกรธ และเกลียดนั้นไว้ ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เมื่อรู้แล้วก็ควรละอารมณ์นั้น ด้วยตัวเราเองก่อน เพื่อป้องกันจิตเรา มิให้เป็นทุกข์ เพราะคนนั้นเป็นเหตุ การให้อภัยเขา คือคิดถึงเขา ในฐานะเพื่อนร่วมเกิดแก่ เจ็บ ตาย ไม่สมควร จะไปยึดเป็นรักเป็นชัง ก็เมื่อแม้แต่รัก ท่านยังสอนให้เราละทิ้ง มิให้ยึดติด แล้วทำไมเรา จะยังมองเห็นความโกรธ เป็นสิ่งที่จะต้องยึดมั่นอยู่ได้

เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม การให้อภัย ที่เป็นการให้ที่ดีที่สุด การที่เราโกรธใครแล้ว เราไม่ให้อภัยเขา ก็เหมือนเราไม่ยอมล้างสิ่งสกปรก ออกจากร่างกายเรา ความงามของเรือนร่าง ที่ประดับด้วยเครื่องเพชร และเสื้อผ้า ก็ไม่อาจทำให้ร่างกายสะอาดได้ การให้อภัย เปรียบเหมือนการอาบน้ำชำระร่างกาย ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว