ของชั่วคราว สิ่งที่ได้ สิ่งที่มี และสิ่งที่เป็น

สวัสดีผู้ชม คลิบนี้มีคติธรรมและข้อคิด เกี่ยวกับ ของชั่วคราว สิ่งที่ได้ สิ่งที่มี และสิ่งที่เป็น ซึ่งเป็นข้อคิดเตือนสติ เพื่อให้เรารู้จักปล่อยวาง มาฝาก ครับ



สิ่งที่เราได้ สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราสัมผัส หรือสัมพันธ์อยู่ ล้วนเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น ไม่ว่าสิ่งนั้น เราจะรักใคร่ หรือผูกพัน และหวงแหนมากเพียงใดก็ตาม วันหนึ่ง สิ่งนั้น ก็จะต้องพลัดพรากจากเราไป หรือสิ่งที่เราไม่ชอบ สิ่งที่เราชิงชัง สิ่งที่เราอยากผลักไส แต่ต้องพบเห็น หรือเผชิญอยู่ด้วยความทุกข์ เราอยากจะให้สิ่งนั้น ผ่านพ้นไปโดยเร็ว แต่ก็ยังไม่จากไปเสียที จงเชื่อเถิดว่า สักวันหนึ่ง สิ่งนั้นก็ต้องจากเราไปอย่างแน่นอน

โดยปกติแล้ว เมื่อเราชอบสิ่งใด เราก็อยากให้สิ่งนั้น อยู่กับเรานานๆ แม้จะรู้ว่าวันหนึ่ง เราก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งนั้น แต่เรา ก็ยังไม่อยากให้พลัดพราก แม้เมื่อต้องเผชิญกับความสูญเสีย ใจก็ยังไม่ยอมรับ ผลก็คือ เราต้องเป็นทุกข์ ไปอีกยาวนาน จนกว่าจะทำใจได้ และในทางตรงข้าม เมื่อเราไม่ชอบสิ่งใด ก็อยากให้สิ่งนั้น ผ่านไปโดยเร็ว ครั้นไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ก็ต้องทนทุกข์ อยู่กับสถานการณ์ดังกล่าว การไม่ฝึกใจ เพื่อให้คิดเห็นตามความเป็นจริง จึงนำความทุกข์มาสู่ชีวิต ทั้งขึ้นและทั้งล่อง เช่น เราเป็นทุกข์ เมื่อพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก เราเป็นทุกข์ เมื่อเผชิญอยู่ กับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ หรือเราเป็นทุกข์ กับความปรารถนา ในสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้น เป็นต้น ชีวิตของปุถุชนจึงมีความทุกข์ อยู่ในเรือนใจตลอดเวลา



การศึกษาธรรมะ ก็คือ การศึกษาความเป็นจริงของชีวิต ซึ่งความเป็นจริงดังกล่าว มีอยู่กับทุกคน ไม่ใช่เรื่องเร้นลับอะไร แต่เราถูกความต้องการทางโลก บดบังปัญญา จึงมองไม่เห็น หรือไม่ตระหนัก ถึงความเป็นจริงนี้ และความเป็นจริง ที่เราควรจะพิจารณาอยู่ทุกวัน เพื่อเตือนจิตเตือนใจไม่ประมาท และพร้อมที่จะเผชิญ กับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าวันหนึ่ง มันจะต้องเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน นั่นก็คือ สิ่งที่ได้ สิ่งที่มี และสิ่งที่เป็น ล้วนเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น

ในอดีตที่ผ่านมานั้น เราก็ได้เห็นความเป็นจริงเรื่องนี้ เกิดขึ้นกับชีวิต ครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างเช่น วัยของเรา ในแต่ละช่วง ไม่ว่าจะเป็นวัยทารก นอนแบเบาะ หรือวัยคืบคลาน จนมาวัย เป็นเด็กไร้เดียงสา หน้าตาใส ล้วนเป็นวัยชั่วคราว และการเรียนแต่ละชั้น แต่ละปี แต่ละโรงเรียน หรือแต่สถาบันการศึกษานั้น ก็ล้วนแต่เรียนอยู่แค่ชั่วคราว ทั้งสิ้น

เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน หลายคน อาจจะผ่านงานมาหลายหน้าที่ หลายตำแหน่ง หรือหลายองค์กร แต่งานแต่ละหน้าที่ แต่ละตำแหน่ง แต่ละองค์กรนั้น ก็ล้วนแต่เป็นของชั่วคราว ทั้งสิ้น

บุคคลที่เราได้พบเห็น ได้สัมพันธ์ หรือผูกพัน ไม่ว่าจะเป็นสมัยวัยเรียน หรือวัยเริ่มงาน จนมาถึงปัจจุบัน ล้วนมากหน้าหลายตา และผู้คนดังกล่าว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หลายคน และสัมพันธ์กันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว

ทรัพย์สิ่งของที่เรามี ที่เราใช้ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย เราเปลี่ยนไป เราทิ้งไป ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน และที่ใช้อยู่ ก็ล้วนเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น

ความสุข ความสำเร็จ ความทุกข์ รวมทั้งปัญหา อุปสรรค เสียงสรรเสริญ หรือคำนินทา เราก็ได้ผ่านมาหลายครั้งหลายหน แต่ละเรื่องราว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ล้วนเป็นของชั่วคราว ทั้งสิ้น

เมื่ออดีตที่ผ่าน ได้เป็นประจักษ์พยาน ให้เราเห็นความเป็นจริงเช่นนี้ อนาคตที่จะมาถึง ก็คงจะเป็นไป ในทำนองเดียวกัน นั่นก็คือ สิ่งทั้งหลายที่จะได้ ที่จะมี หรือที่จะเป็น ไม่ว่าจะดี หรือร้ายเพียงใดก็ตาม สิ่งเหล่านั้น ก็จะเป็นแค่ของชั่วคราว เพราะฉะนั้น ลองหันมาดูปัจจุบัน ที่เรากำลังเผชิญอยู่ เราติดข้องอยู่กับสิ่งใด ลองแยกแยะตามความเป็นจริง ทั้งสิ่งที่เรายินดี มีความสุข และสิ่งที่ไม่ชอบ มีความทุกข์ ดูว่าสิ่งเหล่านี้มีอะไรบ้าง ลองค้นหาสิ่งที่ผูกพันใจเรา ให้ยินดีมีสุขก่อน เริ่มจากความเป็นตัวตนของเรา เช่น ความรู้ ความสามารถ ความสำเร็จในด้านต่างๆ หรือสถานะทางสังคม การใช้ชีวิตส่วนตัว บุคลิกภาพ ตลอดจนสุขภาพพลานามัย และต่อมา พิจารณาถึงบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งผูกใจเราไว้แนบแน่น จากนั้น พิจารณาถึงทรัพย์สิ่งของ และเครื่องใช้ที่เรายินดีและพอใจ ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าเราจะยินดี มีสุขมากเพียงใด ก็อย่าได้ประมาท หลงระเริงในความสุข เพราะที่สุดสิ่งนั้น ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป คงทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ การเปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นบางอย่าง อาจจะนำความยินดีความพอใจมาให้เรายิ่งขึ้น หรือบางอย่าง อาจจะนำความผิดหวังมาให้ก็ได้ แต่ถึงจะนำความยินดี หรือความผิดหวังมาให้เรา สิ่งเหล่านั้น ก็จะต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก และเป็นเช่นนี้สืบเนื่องไป เพราะล้วนเป็นแค่ของชั่วคราว

ในทางตรงข้าม หากมีบางสิ่งที่เราเผชิญอยู่ นำความทุกข์มาให้ แม้เราอยากจะหลุดพ้น จากสภาวะดังกล่าว แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ ก็จงอย่าท้อถอย ให้อดทนสู้ต่อไป วันหนึ่งสภาวะเช่นนี้ ก็ต้องเปลี่ยนไป อาจจะเปลี่ยนไป ในทางที่ทำให้เราทุกข์ยิ่งขึ้น หรือหมดทุกข์เลยก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลง ไปในทางใด ที่สุดสิ่งนั้น ก็ต้องเปลี่ยนแปลงต่อไปอีก เพราะแต่ละช่วงของชีวิตนั้น ล้วนเป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น

เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ ชีวิตของแต่ละคน ล้วนอยู่บนความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่แน่นอน ปัจจัยอันมีผลต่อความสุข ความทุกข์ ของคนเรานั้น อาจจะมีอยู่ ๔ อย่าง คือ ความสำเร็จในหน้าที่การงาน สถานะทางเศรษฐกิจ สุขภาพพลานามัย และบุคคลภายในครอบครัว ในปัจจัยทั้ง ๔ อย่างนี้ บางคนอาจจะได้รับความสำเร็จ ทั้ง ๔ อย่าง บางคนอาจจะได้บางอย่าง และเสียบางอย่าง และบางคนอาจจะล้มเหลวทั้ง ๔ อย่าง แต่ชีวิตของแต่ละคน ก็ต้องโลดแล่นต่อไป บนความเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็มีทั้งดี และร้าย

ทุกคนนั้น ต่างก็ปรารถนา ที่จะให้ชีวิตของตนเอง เป็นไปในทางที่ดี แต่จะสมปรารถนาได้ ก็ต้องสร้างความดีให้มาก นั่นก็คือ ทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม และขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ทำการใดๆ ที่เป็นโทษต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม แม้ว่าระยะแรก ผลดีอาจจะยังไม่ตอบสนอง ซึ่งอาจเป็นเพราะวิบากกรรมเก่า ที่เราเคยทำไม่ดีไว้ข่มทับอยู่ ก็จงอย่าได้ท้อถอย ขอให้ตั้งใจทำความดีไปเรื่อยๆ เมื่อความดี มีกำลังมากขึ้น ขณะที่อกุศลกรรมอ่อนกำลังลง หรือหมดไป เราก็จะพบกับความสุขอย่างแน่นอน และถึงแม้ความสุขที่ได้ จะไม่เที่ยง เมื่อถึงคราวอาจจะตกลง แต่จะตกไม่นาน พลังความดีจะช่วยหนุนให้เราดีขึ้น แม้ว่าชีวิตของเรา จะยืนยาวอยู่ได้ชั่วคราว แต่ความดี ที่เราทำไว้จะตราตรึงอยู่อย่างยาวนาน และความดีนี้ ยังเป็นเสบียงบุญ ส่งผลให้เรา ได้รับในชาติต่อไปอีกด้วย

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว