การเลี้ยงดู พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เป็นอุดมมงคลสูงสุด

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด เรื่องการเลี้ยงดู พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เป็นอุดมมงคลสูงสุด มาฝาก ครับ



การเลี้ยงดูพ่อแม่ ผู้ให้กำเนิดนั้น เป็นอุดมมงคลสูงสุด ลูกพึงดูแลพ่อแม่ ให้เป็นสุขเท่าเทียมกัน เพราะพ่อแม่ เป็นผู้ให้ชีวิตแก่ลูก ให้ลูกได้มีโอกาสเกิดมาดูโลกใบนี้ ถ้าปราศจากพ่อและแม่แล้ว ลูกก็คงจะไม่มีโอกาส เกิดขึ้นมาดูโลกใบนี้ได้ เพียงเท่านี้ ก็นับว่าท่านทั้งสอง มีบุญคุณแก่ลูกอย่างล้นเหลือ ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง การให้ การอุ้มชู อุปการะ เลี้ยงดู ป้อนนม ป้อนข้าว ป้อนน้ำ มาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ อบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี ให้มีการศึกษา มีการงานเป็นหลักฐาน ช่วยตนเองได้ บางครั้ง ก็ยังหาสามี และภรรยาที่เหมาะสมให้อีกด้วย เพียงเท่านี้ ก็นับเป็นพระคุณล้นฟ้า ยากที่ลูกจะตอบแทนคุณได้หมด ยิ่งกว่านั้น บางท่านยังต้องเลี้ยงดูหลานๆ อันเป็นลูก ของลูกชาย ลูกหญิงของท่านอีกด้วย ครับ



พระพุทธองค์ตรัสว่า การที่ลูกจะตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย คือ ยากที่จะตอบแทนให้หมดสิ้นได้ หากว่า จะประคองแม่ไว้บนบ่าข้างหนึ่ง ประคองพ่อไว้บนบ่าอีกข้างหนึ่ง ตลอดเวลา ๑๐๐ ปี ที่ลูกมีชีวิตอยู่ ปรนนิบัติท่านด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ยอมให้พ่อแม่ ถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ บนบ่าทั้งสองของลูก ถึงกระนั้น ก็ยังไม่ชื่อว่า อันบุตรทำแล้ว หรือทำตอบแทนแล้วแก่พ่อแม่ หรือแม้แต่ลูก จะสถาปนาแต่งตั้งพ่อแม่ ไว้ในตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ลูกก็ยังไม่ได้ชื่อว่า ทำตอบแทนแก่พ่อแม่เลย เพราะพ่อแม่ มีอุปการะมากแก่ลูก แต่ถ้าลูกคนใด ได้กระทำต่อพ่อแม่ผู้ไม่มีศรัทธา ให้มีศรัทธา ไม่มีศีล ให้มีศีล ไม่มีจาคะ ให้มีจาคะ ไม่มีปัญญา ให้มีปัญญา การกระทำอย่างนี้เท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่า บุตร ได้ทำตอบแทนพ่อแม่แล้ว อย่างแท้จริง ครับ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า พ่อแม่เป็นพรหมของลูก เพราะประกอบไปด้วยคุณธรรมของพรหม คือเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา พ่อแม่เป็นบุรพเทพ คือเป็นเทวดาก่อน กว่าเทวดาทั้งปวง เทวดาหรือเทพนั้น มี ๓ พวก คือ สมมติเทพ เทวดาโดยสมมติ ได้แก่พระราชา พระราชินี พระราชโอรส และพระราชธิดา ๑ ๒.อุปปัตติเทพ เทวดาโดยอุบัติ คือเกิดเป็นเทวดาโดยกำเนิด ในเทวโลก ๖ ชั้น มีจาตุมหาราชิกา เป็นต้น กับพรหมโลกอีก ๒๐ ชั้น รวมเป็น ๒๖ ชั้น ที่จัดเป็นเทวดาโดยกำเนิด ๑ ๓.วิสุทธิเทพ เทวดาผู้บริสุทธิ์หมดจด จากอาสวะกิเลสทั้งปวง ซึ่งได้แก่ พระอรหันตขีณาสพพวกเดียวอีก ๑ วิสุทธิเทพ คือ พระอรหันต์นั้น ประเสริฐกว่าเทวดาทั้งปวง เพราะปฏิบัติตน เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนทั้งปวง เป็นผู้ประกอบด้วยพรหมวิหาร ๔ ควรแก่การเคารพสักการะบูชา พ่อแม่ก็เช่นกัน เป็นเทวดาประจำบ้าน ที่ลูก ควรให้ความเคารพ สักการะก่อนผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ พ่อแม่จึงชื่อว่าบุรพเทพ หรือบุรพเทวดา คือ เป็นเทวดาก่อน กว่าเทวดาทั้งปวง ลูกรู้จักเทพอย่างอื่นได้ ก็เพราะรู้จักบุรพเทพ คือ พ่อแม่ก่อนนั่นเอง เทวดาประเภทอื่นจึงชื่อว่า มาทีหลังพ่อและแม่ ครับ

พ่อแม่ ชื่อว่าบุรพาจารย์ เพราะเป็นครู เป็นอาจารย์ ก่อนกว่าครูอาจารย์ทั้งปวง เริ่มแต่ลูกยังเล็ก ก็สอนให้รู้จัก พ่อแม่ พี่ ป้า น้า อา สิ่งโน้น สิ่งนี้ ชื่อโน้น ชื่อนี้ คนโน้น คนนี้ ตลอดจนแนะนำสั่งสอน ในสิ่งที่ควรรู้ ควรทำ และไม่ควรทำ นานาประการ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ จึงชื่อว่าบุรพาจารย์ คือ อาจารย์คนแรกของลูก พ่อแม่ ชื่อว่าอาหุไนยบุคคล คือ บุคคลผู้ควรรับ ของที่ลูกนำมาให้ แม้จากที่ไกล มีข้าว น้ำ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ทั้งนี้เพราะพ่อแม่ เป็นผู้มีอุปการะคุณแก่ลูก มีการให้อาหาร เป็นต้น เป็นผู้มุ่งประโยชน์แก่ลูก เทียบเท่ากับพระอรหันต์ทั้งหลาย กล่าวคือ พระอรหันต์ ท่านเป็นผู้ควรแก่ของ ที่เขานำมาบูชา เคารพสักการะ ฉันใด พ่อแม่ ก็เป็นผู้ควรแก่ ของที่บุตรนำมาบูชา มาเคารพสักการะฉันนั้น พ่อแม่จึง เป็นพระอรหันต์ประจำบ้าน ที่ลูก ควรให้การอุปการะเลี้ยงดูด้วยข้าว ด้วยน้ำ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ พ่อแม่จึงชื่อว่าอาหุไนยบุคคล บุคคลผู้ควรแก่ของ ที่เขาคือลูกนำมาบูชา ครับ

พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า พ่อแม่เป็นมิตรในเรือนตน เพราะพ่อแม่ เป็นคู่คิดของลูก เป็นที่ปรึกษาของลูก เป็นที่บำบัดทุกข์ของลูก ขอเพียงให้ลูกได้ไว้ใจท่าน ปรึกษาหารือท่าน พ่อและแม่ พร้อมอยู่เสมอที่จะช่วยลูก ทั้งในด้านความคิด และโภคทรัพย์ หากเกินกำลังของท่าน ท่านก็เสาะหา ผู้ที่มีกำลังกว่าให้ช่วยแทน ท่านไม่เคยทอดทิ้งลูก แม้ในยามยาก ท่านจึงเป็นมิตรแท้ ของลูกยิ่งกว่ามิตรคนใด พ่อแม่ จึงเป็นผู้มีอุปการะมาก หาผู้เสมอเหมือนมิได้ เป็นผู้สมควรที่ลูกๆ จะได้อุปการะตอบแทนคุณท่านจนถึงที่สุด โดยเฉพาะในเวลาแก่เฒ่า ดูแลเอาใจใส่รักษาพยาบาลท่าน ในยามเจ็บไข้ แม้ท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ยังเพิ่มบุญ ให้ด้วยการทำบุญ อุทิศให้ท่าน ได้ชื่นชมอนุโมทนา การเลี้ยงดูพ่อแม่ ตลอดจนตอบแทนคุณท่านโดยประการอื่น มีการช่วยทำ กิจการงานแทนท่าน ช่วยรักษาวงศ์ตระกูลไว้ให้ดี ประพฤติตนให้สมควร ที่จะรับทรัพย์มรดกต่อจากท่าน ตลอดจนทำบุญอุทิศไปให้ท่าน เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว เหล่านี้ ล้วนเป็นหน้าที่ของลูกที่ดี จะพึงกระทำต่อพ่อแม่ ลูกคนใดทำได้อย่างนี้ ลูกคนนั้น ชื่อว่าได้ตอบแทนคุณพ่อแม่ ที่ท่านให้ชีวิตมา จัดเป็นกตัญญูกตเวทีบุคคล ผู้หาได้ยากในโลก และเป็นผู้ ที่บัณฑิตทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญ แม้ละโลกนี้ไปแล้ว ก็ย่อมบันเทิงในสวรรค์ ครับ

ลูกที่ดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ ด้วยความรักความเมตตา กตัญญูกตเวที ย่อมได้รับผลที่น่าพอใจ ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้าฉันใด ลูกที่ประพฤติผิดในพ่อแม่ ก็ย่อมได้รับผลที่ตรงกันข้าม ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าฉันนั้น คือเป็นผู้ถูกนินทาในโลกนี้ เป็นผู้เกิดในอบายในโลกหน้า ยิ่งทำผิดร้ายแรง ถึงกับฆ่าพ่อแม่ ยิ่งโทษหนักมาก เทียบเท่ากับ ฆ่าพระอรหันต์เลยทีเดียว เพราะการฆ่าพระอรหันต์ เป็นอนันตริยกรรม ให้ผลนำเกิด ในอเวจีนรกทันที ที่ตายลงฉันใด การฆ่าพ่อแม่ ก็จัดเป็นอนันตริยกรรม ที่ให้ผล นำมาเกิดในอเวจีนรกทันทีที่ตายลงฉันนั้น ไม่มีกรรมอื่น จะสามารถแซงให้ผลก่อนได้ แม้จะสำนึกผิด และทำกุศลมหาศาล เพื่อทดแทนความผิดนั้น ก็ไม่อาจปิดกั้น อนันตริยกรรม ที่จะให้ผลก่อนได้ การเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นคุณธรรมข้อหนึ่งใน ๗ ข้อ ที่ทำให้เกิดเป็นพระอินทร์ เป็นใหญ่กว่าเทวดาทั้งปวงในภพดาวดึงส์ เป็นพระราชาของเทวดาในภพนั้น เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า การบำรุงเลี้ยงดู พ่อแม่เป็นอุดมมงคล เป็นเหตุให้เกิดความเจริญ ลองสังเกตดูเถิดว่า ลูกคนใดที่กตัญญู รู้คุณพ่อแม่ ลูกคนนั้น ย่อมมีความสุขความเจริญ ไม่ตกต่ำจนตลอดชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมะ ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่ผู้มีปกติ กราบไหว้ อ่อนน้อมต่อผู้เจริญ คือผู้ใหญ่เป็นนิตย์ ผู้ที่กระทำการกราบไหว้ อ่อนน้อมต่อพ่อแม่เป็นนิตย์ ก็ย่อมได้รับพร ๔ ประการนี้เช่นกัน คนที่ทำความดี มีการเลี้ยงดูพ่อแม่นั้น อย่าว่าแต่คนด้วยกัน จะยกย่องสรรเสริญ ชื่นชม อนุโมทนา แม้แต่เทวดาทั้งหลาย เมื่อทราบก็ยกย่องสรรเสริญ และชื่นชม อนุโมทนา ด้วยเช่นกัน ครับ

การตอบแทนคุณพ่อแม่ ด้วยการประพฤติปฏิบัติตัวดี มีศีลธรรม มีกตัญญูกตเวที เป็นการตอบแทนคุณ ที่ทำให้พ่อแม่ชื่นอกชื่นใจ ยิ่งกว่าหยิบยื่นเงินทองให้เสียอีก แต่พ่อแม่จะชื่นใจ ยิ่งกว่านั้น หากลูกได้หยิบยื่นอริยทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญาให้แก่ท่าน ถ้าท่านยังขาดอริยทรัพย์เหล่านั้น ด้วยว่าทรัพย์ภายนอก มีแก้ว แหวน เงินทอง เป็นต้น ถึงจะเป็นของมีค่า แต่ก็ยังมีค่าน้อยกว่า อริยทรัพย์ ทั้งนี้ เพราะทรัพย์ภายนอกอาจสูญหายไปได้ ด้วยภัยนานาประการ มีโจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย เป็นต้น หรือแม้ทรัพย์เหล่านั้นยังอยู่ มิได้สูญหายไป ด้วยภัยดังกล่าวนั้น ถึงกระนั้นทรัพย์เหล่านั้น ก็เป็นเจ้าของเพียงชั่วชีวิตนี้เท่านั้น เมื่อละโลกนี้ไป ก็จะต้องทิ้งทรัพย์เหล่านั้นไว้ เป็นสมบัติของผู้อยู่ข้างหลัง แต่ทรัพย์ภายในมีศรัทธา เป็นต้น มิได้เป็นเช่นนั้น ย่อมเป็นของเราตลอดไป ถึงเราจะละโลกนี้ไปแล้ว ก็ยังติดตามไปให้ความสุขแก่เรา ในโลกหน้า เป็นเสบียงเดินทางไปในปรโลก ตราบเท่าที่เรา ยังท่องเที่ยว อยู่ในสังสารวัฏอันยาวไกลนี้ ด้วยเหตุนี้ ลูกที่ชักนำ หรือหยิบยื่นอริยทรัพย์ มีศรัทธาในพระรัตนตรัยเป็นต้น ให้แก่พ่อแม่ จึงจัดเป็นบุตรที่เลิศ เป็นอภิชาติบุตร ประเสริฐสุด ในบรรดาบุตรทั้งหลาย ที่เลี้ยงดูบิดามารดา การเลี้ยงดูบิดามารดา จึงเป็นอุดมมงคลสูงสุด ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว