สุขที่สัตว์โลกควรกลัว และไม่ควรกลัว
สวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังทุกท่าน
ที่ติดตามรับชมภูริฟิล์ม
อริยสัจจากพระโอษฐ์ คลิบนี้เสนอตอน สุขที่สัตว์โลกควรกลัว และไม่ควรกลัว
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
...ก็ข้อนั้น อันเรากล่าวแล้วว่า บุคคลควรรู้จักการวินิจฉัย (ตัดสินใจ) ในความสุข เมื่อรู้จักการวินิจฉัยความสุขแล้ว ควรประกอบความสุขชนิดที่เป็นภายใน, ข้อนั้นเรากล่าว เพราะอาศัยเหตุผลอะไรเล่า?
ภิกษุ ท. ! กามคุณมีห้าอย่างเหล่านี้. ห้าอย่างนั้นอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ
รูป ที่เห็นด้วยตา,
เสียง ที่ฟังด้วยหู,
กลิ่น ที่ดมด้วยจมูก,
รส ที่ลิ้มด้วยลิ้น,
และโผฏฐัพพะ ที่สัมผัสด้วยกาย,
(แต่ละอย่างล้วน) เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ เป็นสิ่งที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยซึ่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ ;
ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสอันใดเกิดขึ้น เพราะอาศัยกามคุณห้าเหล่านี้, สุขโสมนัสนั้น เราเรียกว่ากามสุข อันเป็นสุขของบุถุชน เป็นสุขทางเมถุน (มิฬ๎หสุข) ไม่ใช่สุขอันประเสริฐ. เรากล่าวว่า สุขนั้น บุคคลไม่ควรเสพ ไม่ควรเจริญ ไม่ควรทำให้มาก, ควรกลัว.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าถึงซึ่ง ปฐมฌาน ... ทุติยฌาน ... ตติยฌาน ... จตุตถฌาน ...๑ แล้วแลอยู่.
๑. รายละเอียดเกี่ยวกับรูปฌานทั้งสี่นี้ หาดูได้จากหลายเรื่องในภาคถัดๆ ไป หรือดูที่ภาคผนวกแห่งหนังสือนี้ โดยหัวข้อว่า “ประมวลพรหมจรรย์ตลอดสาย” ตอนกล่าวถึงเรื่องรูปฌานสี่.
นี้ เราเรียกว่า สุขอาศัยเนกขัมมะ เป็นสุขเกิดแต่ความสงัดเงียบ สุขเกิดแต่ความเข้าไปสงบรำงับ สุขเกิดแต่ความรู้พร้อม.
เรากล่าวว่า สุขนั้น บุคคลควรเสพให้ทั่วถึง ควรทำให้เจริญ ควรทำให้มาก, ไม่ควรกลัว.
คำใดที่เรากล่าวแล้วว่า บุคคลควรรู้จักการวินิจฉัย (ตัดสินใจ) ในความสุข เมื่อรู้จักการวินิจฉัยความสุขแล้ว ควรประกอบความสุขชนิดที่เป็นภายใน, นั้น ; คำนั้น เรากล่าวแล้ว เพราะอาศัยเหตุผลนี้.
- อุปริ. ม. ๑๔/๔๒๗/๖๕๙.
ชุดจากพระโอษฐ์ ๕ เล่ม เล่มที่ ๒
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๑
พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า
...ก็ข้อนั้น อันเรากล่าวแล้วว่า บุคคลควรรู้จักการวินิจฉัย (ตัดสินใจ) ในความสุข เมื่อรู้จักการวินิจฉัยความสุขแล้ว ควรประกอบความสุขชนิดที่เป็นภายใน, ข้อนั้นเรากล่าว เพราะอาศัยเหตุผลอะไรเล่า?
ภิกษุ ท. ! กามคุณมีห้าอย่างเหล่านี้. ห้าอย่างนั้นอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ
รูป ที่เห็นด้วยตา,
เสียง ที่ฟังด้วยหู,
กลิ่น ที่ดมด้วยจมูก,
รส ที่ลิ้มด้วยลิ้น,
และโผฏฐัพพะ ที่สัมผัสด้วยกาย,
(แต่ละอย่างล้วน) เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ เป็นสิ่งที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยซึ่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ ;
ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสอันใดเกิดขึ้น เพราะอาศัยกามคุณห้าเหล่านี้, สุขโสมนัสนั้น เราเรียกว่ากามสุข อันเป็นสุขของบุถุชน เป็นสุขทางเมถุน (มิฬ๎หสุข) ไม่ใช่สุขอันประเสริฐ. เรากล่าวว่า สุขนั้น บุคคลไม่ควรเสพ ไม่ควรเจริญ ไม่ควรทำให้มาก, ควรกลัว.
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าถึงซึ่ง ปฐมฌาน ... ทุติยฌาน ... ตติยฌาน ... จตุตถฌาน ...๑ แล้วแลอยู่.
๑. รายละเอียดเกี่ยวกับรูปฌานทั้งสี่นี้ หาดูได้จากหลายเรื่องในภาคถัดๆ ไป หรือดูที่ภาคผนวกแห่งหนังสือนี้ โดยหัวข้อว่า “ประมวลพรหมจรรย์ตลอดสาย” ตอนกล่าวถึงเรื่องรูปฌานสี่.
นี้ เราเรียกว่า สุขอาศัยเนกขัมมะ เป็นสุขเกิดแต่ความสงัดเงียบ สุขเกิดแต่ความเข้าไปสงบรำงับ สุขเกิดแต่ความรู้พร้อม.
เรากล่าวว่า สุขนั้น บุคคลควรเสพให้ทั่วถึง ควรทำให้เจริญ ควรทำให้มาก, ไม่ควรกลัว.
คำใดที่เรากล่าวแล้วว่า บุคคลควรรู้จักการวินิจฉัย (ตัดสินใจ) ในความสุข เมื่อรู้จักการวินิจฉัยความสุขแล้ว ควรประกอบความสุขชนิดที่เป็นภายใน, นั้น ; คำนั้น เรากล่าวแล้ว เพราะอาศัยเหตุผลนี้.
- อุปริ. ม. ๑๔/๔๒๗/๖๕๙.
ชุดจากพระโอษฐ์ ๕ เล่ม เล่มที่ ๒
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาค ๑ หน้าที่ ๑๑
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น