ครั้งมีพระชาติเป็นพระเจ้ามหาสุทัศน์ การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า
ครั้งมีพระชาติเป็นพระเจ้ามหาสุทัศน์ ๑
๑. บาลี มหาสุทัสสนจริยา จริยา. ขุ. ๓๓/๕๕๔/๔.
ในกาลใด, เราเป็นพระเจ้าแผ่นดินในนครชื่อกุสาวดี
มีนามว่า มหาสุทัศน์ ผู้เป็นจักรพรรดิมีกำลังมาก.
ในกาลนั้น เราจัดให้มีการป่าวร้องในที่ทั่วไป วันละสามครั้ง.
‘ใครปรารถนาอะไร ใครประสงค์สิ่งใด
ใครควรได้ทรัพย์เช่นไร,
ใครหิว ใครกระวนกระวาย,
ใครต้องการมาลา
ใครต้องการเครื่องลูบทา.
ผ้าย้อมแล้วด้วยสีต่างๆ กัน ใครไร้ผ้าจงนุ่งห่ม.
ใครจะเดินทางจงเอาร่มไป,
เอารองเท้างามๆ นิ่มๆ ไป’.
เราให้ป่าวร้องเช่นนี้ ทั้งเช้าและเย็นทุกๆ แห่ง.
ทรัพย์ที่เตรียมไว้สำหรับยาจก
ไม่ใช่สิบแห่ง หรือร้อยแห่ง แต่ตั้งหลายร้อยแห่ง.
จะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม
ถ้ายาจกมาเมื่อใด เป็นได้สิ่งของตามที่เขาปรารถนา เต็มมือกลับไปเสมอ.
เราให้ทานอันใหญ่หลวงเช่นนี้ จนตลอดชีวิต และใช่ว่าจะให้ทานด้วยทรัพย์
ส่วนที่เราเกลียดไม่ชอบ ก็หาไม่ การสะสมทรัพย์จะมีในเรา ก็หาไม่.
ผู้ป่วยกระสับกระส่าย ใคร่จะพ้นไปจากโรค
ให้ขวัญข้าวแก่หมอจนเป็นที่พอใจแล้ว ย่อมหายจากโรคได้ฉันใด
เราก็ฉันนั้น เรามุ่งแต่จะทำให้เต็มเปี่ยม,
ให้ทานแก่ยาจก ก็เพื่อทำใจที่ยังพร่องอยู่ให้เต็ม,
ไม่อาลัยทรัพย์ไม่เกาะเกี่ยวในทรัพย์ ก็เพื่อการลุถึงโดยลำดับ
ซึ่งปัญญาอันเป็นเครื่องรู้พร้อม. ๑
๑. มหาสุทัสสนสูตร มหา. ที. ๑๐/๒๒๕/๑๘๕,
ตรัสแก่พระอานนท์ที่ป่าสาละ ใกล้นครกุสินารา,
อันเป็นที่ พระอานนท์ทูลว่า เป็นเมืองกิ่งเมืองดอน ไม่ควรปรินิพพาน.
อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่เธอว่า
‘ผู้อื่นต่างหาก ที่เป็นพระเจ้ามหาสุทัศน์ในสมัยโน้น’.
อานนท์ ! เธอไม่ควรเห็นเช่นนั้น,
เรานี่เองเป็นพระเจ้ามหาสุทัศน์แล้วในสมัยนั้น.
นครจำนวนแปดหมื่นสี่พัน
มีราชธานีกุสาวดีเป็นประมุข เหล่านั้นของเรา. ๒
๒. คำว่าแปดหมื่นสี่พัน
เป็นสำนวนภาษาบาลีที่ใช้กับของที่มากที่สุด ที่คนเรายกย่องกัน.
ปราสาทจำนวนแปดหมื่นสี่พัน
มีปราสาทชื่อธรรมปราสาทเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
เรือนยอดจำนวนแปดหมื่นสี่พัน
มีเรือนยอดชื่อมหาวิยูหะเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
บัลลังก์จำนวนแปดหมื่นสี่พัน
ทำด้วยทอง ทำด้วยเงิน ทำด้วยงา ทำด้วยแก้วลาย
ลาดด้วยขนเจียมลาดด้วยสักหลาด ฯลฯ เหล่านั้นเป็นของเรา.
ช้างจำนวนแปดหมื่นสี่พัน
ประดับด้วยเครื่องทอง ฯลฯ
มีพญาช้างตระกูลอุโบสถเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
ม้าจำนวนแปดหมื่นสี่พัน
ประดับด้วยเครื่องทอง ฯลฯ
มีพญาม้าตระกูลวลาหกเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
รถจำนวนแปดหมื่นสี่พัน
หุ้มบุด้วยหนังราชสีห์หนังเสือโคร่ง ฯลฯ
มีเวชยันตรถเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
มณีแปดหมื่นสี่พัน
มีแก้วมณีรัตนะเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
หญิงแปดหมื่นสี่พัน
มีนางสุภัททาเทวีเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
คหบดีแปดหมื่นสี่พัน
มีคหปติรัตนะเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
กษัตริย์แปดหมื่นสี่พัน
ผู้คอยแวดล้อมประดับเกียรติ มีปริณายกรัตนะเป็นประมุข เหล่านั้นเป็นของเรา.
โคนมแปดหมื่นสี่พัน
กำลังมีนมไหลรูดรองได้ เหล่านั้นเป็นของเรา.
ผ้าแปดหมื่นสี่พันโกฎิ
คือผ้าป่านอันละเอียดอ่อน ผ้าฝ้ายอันละเอียดอ่อน ฯลฯ เหล่านั้นเป็นของเรา.
ถาดตกแต่งอาหารแปดหมื่นสี่พัน
อันคนเชิญเครื่องเชิญทั้งเช้าและเย็น เหล่านั้นเป็นของเรา.
(ข้อความต่อไปจากนี้ มีการกล่าวระบุสิ่งเลิศเพียงสิ่งเดียวตัวเดียว
หลังเดียว นครเดียว ...ฯลฯ...
ถาดเดียว ที่ทรงบริโภคใช้สอยอยู่เป็นประจำ ในบรรดาแต่ละสิ่ง
ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนถึงแปดหมื่นสี่พัน. รายละเอียดมีอยู่มากเกินไป
จึงไม่ยกมาใส่ไว้ในที่นี้ ตามตัวอักษรที่มีอยู่).
อานนท์ !
จงดูเถิด, สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น
ทั้งหมดได้ล่วงไปแล้วดับหายไปแล้ว แปรปรวนไป สิ้นแล้ว.
อานนท์ !
สังขารทั้งหลาย เป็นของไม่เที่ยง เช่นนี้เอง
เป็นของไม่ยั่งยืน เช่นนี้เอง
เป็นของไม่มีเจ้าของ อย่างนี้เอง.
อานนท์ !
เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว,
พอเพื่อจะหน่ายในสังขารทั้งหลาย,
พอเพื่อคลายกำหนัด,
พอเพื่อหลุดพ้นไปจาก.
อานนท์ !
เรารู้ที่ที่เป็นหลุมฝังเรา,
เขาฝังสรีระของเราไว้ ณ ที่นี้,
การทอดทิ้งร่างเหนือแผ่นดินครั้งนี้ เป็นครั้งที่ ๗ ของเรา
ในชาติที่เป็นพระราชาชั้นจักรพรรดิ.
ชุดจากพระโอษฐ์ ๕ เล่ม เล่มที่ ๕
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้าที่ ๕๙๑
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น