ฌานระงับความรัก ความเกลียดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (สัมมาสมาธิ)
ฌานระงับความรัก ความเกลียดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
ภิกษุ ท. ! ธรรมารมณ์ทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมเกิดอยู่เป็น ๔ ประการ.
สี่ประการอย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ
๑. ความรักเกิดจากความรัก
๒. ความเกลียดเกิดจากความรัก
๓. ความรักเกิดจากความเกลียด
๔. ความเกลียดเกิดจากความเกลียด.
๑. ภิกษุ ท. ! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความรักเกิดจากความรัก?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ มีบุคคลซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่ พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้น ประพฤติกระทำต่อบุคคล ที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ” ดังนี้ ;
บุคคลนั้นชื่อว่า ย่อมทำความรักให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล เรียกว่า ความรักเกิดจากความรัก.
๒. ภิกษุ ท. ! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความเกลียดเกิดจากความรัก?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ มีบุคคล ซึ่งเป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาน่ารักใคร่พอใจ ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคล ที่เราปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ” ดังนี้ ;
บุคคลนั้นชื่อว่า ย่อมทำความเกลียดให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล เรียกว่า ความเกลียดเกิดจากความรัก.
๓. ภิกษุ ท. ! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความรักเกิดจากความเกลียด ?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ มีบุคคล ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความพอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคล ที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารักใคร่พอใจ” ดังนี้ ;
บุคคลนั้นชื่อว่า ย่อมทำความรักให้เกิดขึ้นในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล เรียกว่า ความรักเกิดจากความเกลียด.
๔. ภิกษุ ท. ! อย่างไรเล่า เรียกว่า ความเกลียดเกิดจากความเกลียด?
ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ มีบุคคล ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่พอใจของบุคคลคนหนึ่ง,
มีบุคคลพวกอื่นมาประพฤติกระทำต่อบุคคลนั้น ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ ;
บุคคลโน้นก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างนี้ว่า “บุคคลเหล่านั้นประพฤติกระทำต่อบุคคล ที่เราไม่ปรารถนารักใคร่พอใจ ด้วยอาการที่น่าปรารถนาน่ารักใคร่น่าพอใจ” ดังนี้ ;
บุคคลนั้นชื่อว่า ย่อมทำความเกลียดให้เกิดในบุคคลเหล่านั้น.
ภิกษุ ท. ! อย่างนี้แล เรียกว่า ความเกลียดเกิดจากความเกลียด.
ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือธรรมารมณ์ ย่อมเกิดอยู่เป็น ๔ ประการ.
ภิกษุ ท. ! สมัยใด ภิกษุ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่;
สมัยนั้น ความรักใดที่เกิดจากความรัก ความรักนั้นก็ไม่มี,
ความเกลียดใดที่เกิดจากความรัก ความเกลียดนั้นก็ไม่มี,
ความรักใดที่เกิดจากความเกลียด ความรักนั้นก็ไม่มี,
ความเกลียดใดที่เกิดจากความเกลียด ความเกลียดนั้นก็ไม่มี.
ภิกษุ ท. ! สมัยใด ภิกษุ เข้าถึงทุติยฌาน .... ตติยฌาน .... จตุตถฌาน .... แล้วแลอยู่;
สมัยนั้น ความรักใดที่เกิดจากความรัก ความรักนั้นก็ไม่มี,
ความเกลียดใดที่เกิดจากความรัก ความเกลียดนั้นก็ไม่มี,
ความรักใดที่เกิดจากความเกลียด ความรักนั้นก็ไม่มี,
ความเกลียดใดที่เกิดจากความเกลียด ความเกลียดนั้นก็ไม่มี.
(ข้อความตอนต่อไปจากนี้ กล่าวถึงการบรรลุวิมุตติ ซึ่งระงับความรักและความเกลียดอย่างถอนราก พึงดูรายละเอียดจากหัวข้อ ว่า “ผู้ถอนรากแห่งความรักและความเกลียดได้แล้ว” ที่หน้า ๖๓๗ แห่งหนังสือนี้).
- จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๙๐ - ๒๙๒/๒๐๐.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาค ๒ หน้าที่ ๑๓๔๗
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น