ดวงตก เงินขาดมือ ชีวิตมีแต่ปัญหา แก้ไขอย่างไร
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมี คติธรรมและข้อคิด
เรื่องของคนที่ ดวงตก เงินขาดมือ หรือชีวิตมีแต่ปัญหา
ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร มาฝากครับ
ชีวิตของคนเรานั้น ในเวลาที่มีความสุข ได้โชคลาภ หรือได้อะไรที่ต้องการนั้น มีความเชื่อกันว่า มาจากที่ผลบุญที่เราทำมานั้น ได้ส่งผล แต่เมื่อเวลาที่เราได้พบกับความทุกข์ หรือพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ ชีวิตทำอะไรก็ไม่ขึ้น หยิบจับอะไรก็เสียหาย แถมยังไร้คนช่วยเหลือ มองไปทางไหนก็มืดมน มืดแปดด้าน หรือที่คนทั่วไป เรียกกันว่า “ดวงตก” ซึ่งที่สาเหตุที่เป็นแบบนี้ มีความเชื่อกันว่า มาจากกรรมที่เราได้ทำมาทั้งสิ้น ทั้งกรรมเก่า และกรรมใหม่ที่เป็นกรรมไม่ดี ถึงเวลาส่งผล ครูบาอาจารย์ท่านได้ แนะนำวิธี ที่จะแก้ไขว่า สิ่งเราต้องพิจารณาอย่างแรก นั้นก็คือ กรรมในปัจจุบัน เราลองย้อนกลับไปพิจารณา จากสิ่งที่เราทำมา ไม่ว่าจะเป็น การประกอบอาชีพ หรือการทำงานต่างๆ ความคิด ความประพฤติของเรานั้น ถูกต้อง ถูกธรรมหรือไม่ เราต้องค้นหาสาเหตุให้เจอว่า สิ่งที่เกิดเป็นเพราะอะไร และที่สำคัญเราต้องยอมรับความจริง ถึงจะแก้ไขได้ เพราะหลายๆ ท่านเอง ก็ไม่เชื่อว่า กรรมนั้นมีอยู่จริง หรือบางท่าน อาจจะทำเพราะความไม่รู้ จึงได้ละเมิดผู้อื่น หรือสิ่งอื่น จนทำให้เกิดกรรมไม่ดีขึ้นมา เช่น อาจจะเคย แอบไปเบียดเบียนคนอื่น เคยไปคดโกงผู้อื่น หรือเคยไปยืมเงินคนอื่นแล้วไม่คืน แอบพรากประโยชน์ผู้อื่น เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวจนทำให้คนอื่นเสียหาย หรือทำการค้าแบบไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ หรือเป็นคนที่ประมาทในชีวิต เป็นคนเกียจคร้านไม่แสวงหาสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง มาสู่ชีวิตของตนเอง เป็นต้น
เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เหมือนกับเราเดินทางชีวิตที่ผิดทาง ไปจากความสำเร็จ ความร่ำรวย ที่เราปรารถนาจะได้ หรือเราเองนั้น เอาก้อนหินขนาดใหญ่ ไปปิดทางน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็คือ การไปสร้างบาป เพื่อปิดทางบุญ ของตัวเองไว้ ซึ่งเราต้องหาให้เจอ เพราะเหตุจากกรรมไม่ดีเหล่านี้ เป็นกรรมใหม่ ที่เราปรับปรุงแก้ไข ได้ด้วยตัวเอง แต่เรา ต้องเปลี่ยนทิศทางเดินชีวิตไปในทางที่ดี เพราะตัวเราเองนั้น จะรู้ว่าเมื่อเราทำแล้ว จะได้ผลอะไรกลับมา เราลองพิจารณาดูว่า เราเป็นคนที่ทำร้ายตัวเอง เราเป็นคนที่ทำตัวเอง ให้ดวงตกหรือไม่ ครูบาอาจารย์ ท่านเมตตาให้คำแนะนำว่า เราต้องปรับความเชื่อเสียใหม่ จากที่หลงผิดทาง หรือเกิดมิจฉาทิฐิ (มิจฉาทิฏฐิ) ขึ้นในใจที่เป็นความมืด ให้กลับมาสู่ทางสว่าง หรือสัมมาทิฐิ (สัมมาทิฏฐิ) นั้น เราจะต้องปรับใจตนเองเสียก่อน ถ้าไม่ปรับใจตัวเองเสียก่อน ก็จะแก้ไขอะไร ไม่ได้ทั้งสิ้น ต้องแก้ที่ใจเราเป็นอันดับแรก ต้องมีความเชื่อ ต้องไม่สงสัยว่ากรรมนั้นมีจริงหรือไม่ ให้รู้ว่าใครทำดีต้องได้ดี ใครทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว แม้ว่าในบางครั้ง กรรมนั้นอาจจะส่งผลช้า แต่อย่างไร มันก็ต้องส่งผล ทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดี แต่ถ้าหากเราทำดีแล้วยังคงดวงตกอยู่ คิดทำอะไร ก็ติดขัดไม่สำเร็จ ก็ให้คิดเสียว่า อาจจะมาจากกรรมเก่า ที่กำลังส่งผล โดยมีเจ้ากรรมนายเวร เขามาตามรังควาน ตามอาฆาตอยู่ ครูบาอาจารย์ ท่านได้แนะนำเคล็ดลับ ในการแก้ดวงตกด้วยตัวเอง ที่อาจจะมาจากกรรมเก่า และที่สำคัญให้ทำด้วยความศรัทธา ซึ่งมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้ครับ
๑.ให้รักษาศีล ๕ อย่างเคร่งครัด เพราะการรักษาศีล๕จะเป็นเครื่องมือช่วย ในการป้องกัน ไม่ให้เราไปละเมิด กรรมไม่ดีต่อผู้อื่น อีกทั่ง เป็นการหยุด การทำชั่วอย่างสิ้นเชิง ซึ่งคนที่ดวงตกทั้งหลาย ถ้าหากยังละเมิดศีล ๕ อยู่ ผลกรรมที่จะได้รับก็อาจจะหนักหนา จนอาจจะทนทานไม่ไหว เพราะแค่กรรมเก่า ที่มาส่งผลยังลำบาก ดวงตกยังตก ถ้าหากยังไปทำกรรมชั่วอีก ชีวิตก็คงจะหนักขึ้นหลายเท่า การรักษาศีลนั้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างน้อยก็ต้องศีล ๕ หรือถ้าดวงตกหนักมาก ก็อาจะจะต้องรักษาศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือถึงขั้นต้องบวช เพื่อถือศีล ๒๒๗ เพื่อเป็นเกราะป้องกัน ดังที่คนโบราณ หรือครูบาอาจารย์ในอดีตกาล ท่านได้ทราบทางแก้ไขเรื่องนี้ดี ท่านจึงมักจะให้บวชเสีย ถ้าหากคนนั้นพบกับวิบากกรรมหนัก หรือดวงตกอย่างหนัก จนดูแล้วจะไปไม่รอด
๒.หมั่นใส่บาตรทุกวัน เพราะการใส่บาตรทุกวันนั้น เป็นการเสริมบุญให้กับตัวเองแบบง่ายๆ ที่เราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ครับ
๓.ทำสังฆทานใหญ่ ซึ่งใครที่กำลังรับผลกรรมเก่า จนยากจะรับมือไหว ครูบาอาจารย์ ท่านได้เมตตาแนะนำให้ทำดังนี้
๑.เตรียมอาหารคาวหวานให้ครบ น้ำสะอาด ดอกไม้ธูปเทียน
๒.วัตถุทานที่จัดเป็นปัจจัย ๔ คือ เครื่องบวชพระไตรจีวร บาตรพระพร้อมตาลปัตร ยารักษาโรค ของใช้ ของสงฆ์ตามที่สมควร หนังสือธรรมะ ๑ เล่ม
๓.พระพุทธรูปประจำวันเกิดของตนเอง ให้หน้าตัก 9 นิ้วขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นวัสดุใด ก็ใช้ได้ทั้งสิ้น
๔.ถาดเงิน ๑ ถาด เพื่อเอาไว้ใส่อาหารคาวหวานทั้งหมดรวมกัน
๕.ถาดทองเหลือง ๑ ถาด เพื่อเอาไว้ใส่ของสงฆ์ และพระพุทธรูป
๖.หากิ่งไม้สามง่าม ๑ อันที่เหมือนเวลาเราทอดผ้าป่า เวลาถวาย ให้เอากิ่งไม้สามง่ามตั้งขึ้น เหมือนที่เราเห็นในถังผ้าป่าแล้วเอาผ้าไตรจีวรนั้นพาด พระสงฆ์ท่านจะรับและชักออกไป
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ก็ให้กรวดน้ำอุทิศบุญ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร การที่ครูบาอาจารย์ท่านได้แนะนำ ให้ถวายอาหารคาวหวานให้ครบนั้น ก็เพราะเจ้ากรรมนายเวรบางท่าน อาจจะอยู่ในภาวะหิวกระหาย ไม่มีใครทำบุญไปให้ ยิ่งหิวมาก ก็ยิ่งโกรธแค้นหลายเท่า กับคนที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ ส่วนเครื่องบวชพระไตรจีวรนั้น ก็จะเป็นเครื่องนุ่งห่มทิพย์ ในกรณีที่เขา ไม่มีเสื้อผ้าจะสวมใส่ และการถวายพระพุทธรูป ก็จะนำให้เข้าถึง ระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้า ที่เป็นที่พึ่งของเขาได้จริง ส่วนหนังสือธรรมะ จะทำให้เขาเข้าใจในพระธรรม ที่จะช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ได้จริง ลดความอาฆาตลง และถาดเงิน ถาดทองนั้น ก็เป็นการช่วยให้เขา มีภาชนะเก็บกักของทิพย์ที่เขาได้รับ และจะนำมาใช้เมื่อใดก็ได้ การทำสังฆทานใหญ่นี้ หากมีกำลังทรัพย์ก็ทำเดือนละ ๑ ครั้ง ตรงกับวันที่เกิด แต่หลายๆท่าน อาจจะไม่ค่อยมีเงิน พอที่จะทำสังฆทานใหญ่แบบนี้ เพราะต้องใช้กำลังทรัพย์พอสมควร ครูบาอาจารย์ท่านได้แนะนำว่า ให้ไปที่วัดใดก็ได้ ที่มีการจัดเตรียม เครื่องสังฆทานไว้ให้ แบบครบชุด ซึ่งสมัยนี้ก็มีกันเกือบทุกวัด ให้ใช้ วิธีทำผาติกรรม นำเงินใส่ซองจะ ๕ บาท ๑๐ บาท หรือมากกว่าราคาสังฆทาน หรือเท่าใดก็ได้ ก็ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกัน แต่หากท่านใด ที่ดวงตกอย่างมาก และไม่มีเงินจริงๆ หรือไม่สะดวก อยู่ในที่จำกัดไปไหนมาไหนไม่สะดวก ก็ให้เร่งถือศีล ๕ และสวดมนต์ ทำสมาธิ ก็เป็นการสร้างบุญ โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว หรือหากมีกำลังทรัพย์ ก็เพิ่มทานเข้าไปอีก เอาเงินสัก ๑ บาทหรือตามกำลังก็ได้ หยอดใส่กระปุกไว้ให้เป็นทาน อธิษฐานจิตเป็นสังฆทาน แล้วจึงสวดมนต์สมาทานศีล และทำสมาธิ เพื่อจะให้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา ครบถ้วนในแต่ละวัน เมื่อเงินสะสมในกระปุกมีพอสมควรแล้ว ก็เอาไปถวายพระสงฆ์เป็นสังฆทานก็ได้ หรือเอาไปทำบุญอย่างอื่นก็ได้ หรือท่านใดไม่มีเงิน ก็เอาแรงงานไปเช็ดถู ไปปัดกวาดลานวัด ทำความสะอาดหน้าพระประธาน พระพุทธรูป ที่รายล้อมอยู่ตามศาลาวัด ไปช่วยเขาขนทรายขนปูนที่มีการก่อสร้างในวัด ไปช่วยกิจของสงฆ์ ทั้งไปช่วยโรงครัว โรงทานทำอาหารถวาย ช่วยล้างผลไม้ปอกผลไม้ ล้างจาน กวาดวัด ล้างห้องน้ำ หรือทำอะไรก็ได้ที่เป็นของส่วนรวม แล้วก็อุทิศบุญที่ทำนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และอธิษฐาน ขอให้เป็นสังฆทานได้ทั้งสิ้น อย่าไปคิดแต่เพียงว่า เราต้องใช้เงินอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับการกรวดน้ำนั้น เราควรทำทุกครั้ง หลังจากที่สร้างบุญเสร็จ เพื่อที่จะได้ไม่ตกหล่น แต่ถ้าลืม หรือติดธุระแล้วไม่ได้ทำ แต่ถ้าเรานึกได้เมื่อใด ก็ให้กรวดน้ำใหม่ได้ทันที ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม บุญที่เราทำนั้น ก็ไม่ได้หายไปไหน และน้ำที่เราใช้ในการกรวดน้ำ ก็ควรเป็นน้ำที่สะอาด เมื่อกรวดน้ำเสร็จแล้ว ก็ให้เอาน้ำไปเทราดใต้ต้นไม้กลางแจ้ง ในเวลาที่เท ก็ให้ตั้งจิต กล่าวขอให้พระแม่ธรณี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ท้าวยมราช มาเป็นสักขีพยานในการสร้างบุญ ให้ท่านทั้งหลาย ที่เราอุทิศบุญให้ มารับบุญไป ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น ครบทุกประการ ตามหลักที่ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ครั้งโบราณ ท่านได้แนะนำไว้
๔. หมั่นสวดมนต์ และทำสมาธิทุกวัน การสวดมนต์ก็เพื่อปรับฐานบุญ และทำให้เกิดมงคลแก่ตนเอง และการทำกรรมฐานแก้กรรม หรือที่เรียกกันว่า “สมาธิแก้กรรม” นั้น ก็เป็นของจริง ที่พิสูจน์กันมา ตั้งแต่ครั้งโบราณ การสวดมนต์นั้น ควรทำในตอนเช้า และก่อนนอน หรือเวลาไหนก็ได้ที่เราสะดวก และหากเป็นไปได้ ควรสวดต่อเนื่องกัน เป็นเวลา ๑๕ วันอย่าขาด เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว ก็ให้นั่งสมาธิและวิปัสสนาต่อ เมื่อออกจากสมาธิเจริญภาวนาแล้ว ก็ให้แผ่เมตตาอุทิศบุญ ให้เจ้ากรรมนายเวร ให้มารับบุญที่เกิดขึ้นนี้ และที่สำคัญ แม้ว่าดวงเราจะดีแล้ว ก็อย่าหยุดทำ ให้ทำต่อไป ดวงจะได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
๕.การสงเคราะห์ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา การปล่อยสัตว์ หรือปล่อยปลานั้น ยิ่งสัตว์หรือปลา ที่คนจะเอามาทำเป็นอาหาร แบบว่าสัตว์นั้นเขาต้องตายแน่ๆ ถ้าเราไม่ไปช่วยเขาไว้ ในสมัยพุทธกาลเณรน้อย ที่แม้ถึงฆาต แต่ได้ช่วยปลาจากปลัก ให้ไปอยู่ในแหล่งน้ำสมบูรณ์ ก็ยังรอดตายมาได้ แค่เราดวงตกแค่นี้ ยิ่งทำก็ยิ่งได้ผลหลายเท่า
๖.ร่วมสร้างถาวรวัตถุในทางพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป โบสถ์ วิหาร หรืออะไรก็ตาม ที่เป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ก็จะเป็นทานใหญ่ที่ก่อให้เกิดโชคลาภ ส่วนสำหรับการร่วมบริจาคนั้น ไม่จำเป็น ต้องเป็นเงินมาก เท่าใดก็ได้ แต่ต้องให้ตรงกับจำนวน หรือมากกว่าที่ตั้งใจไว้ เช่น ตั้งใจทำ ๑ บาท ก็ต้อง ๑ บาทอย่าไปลดบุญตัวเอง ด้วยการทำเพียง ๕๐ สตางค์เพราะเสียดาย ให้ทำตามที่เราตั้งใจจริงๆ เท่าไหร่ ก็เท่านั้น
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เรื่องของดวงตก เงินขาดมือ ชีวิตมีแต่ปัญหา เราสามารถแก้ไขได้ ด้วยการคิดดีทำดี หมั่นสร้างบุญ สร้างกุศล และที่สำคัญ ที่ขาดไม่ได้ อย่าลืมเป็นอันขาด นั้นก็คือ การทำบุญกับพระในบ้าน พ่อและแม่ของเรา จงกตัญญูรู้คุณ ต่อผู้มีพระคุณ และซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ชีวิตจะได้เจริญยิ่งขึ้นไป ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ชีวิตของคนเรานั้น ในเวลาที่มีความสุข ได้โชคลาภ หรือได้อะไรที่ต้องการนั้น มีความเชื่อกันว่า มาจากที่ผลบุญที่เราทำมานั้น ได้ส่งผล แต่เมื่อเวลาที่เราได้พบกับความทุกข์ หรือพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ ชีวิตทำอะไรก็ไม่ขึ้น หยิบจับอะไรก็เสียหาย แถมยังไร้คนช่วยเหลือ มองไปทางไหนก็มืดมน มืดแปดด้าน หรือที่คนทั่วไป เรียกกันว่า “ดวงตก” ซึ่งที่สาเหตุที่เป็นแบบนี้ มีความเชื่อกันว่า มาจากกรรมที่เราได้ทำมาทั้งสิ้น ทั้งกรรมเก่า และกรรมใหม่ที่เป็นกรรมไม่ดี ถึงเวลาส่งผล ครูบาอาจารย์ท่านได้ แนะนำวิธี ที่จะแก้ไขว่า สิ่งเราต้องพิจารณาอย่างแรก นั้นก็คือ กรรมในปัจจุบัน เราลองย้อนกลับไปพิจารณา จากสิ่งที่เราทำมา ไม่ว่าจะเป็น การประกอบอาชีพ หรือการทำงานต่างๆ ความคิด ความประพฤติของเรานั้น ถูกต้อง ถูกธรรมหรือไม่ เราต้องค้นหาสาเหตุให้เจอว่า สิ่งที่เกิดเป็นเพราะอะไร และที่สำคัญเราต้องยอมรับความจริง ถึงจะแก้ไขได้ เพราะหลายๆ ท่านเอง ก็ไม่เชื่อว่า กรรมนั้นมีอยู่จริง หรือบางท่าน อาจจะทำเพราะความไม่รู้ จึงได้ละเมิดผู้อื่น หรือสิ่งอื่น จนทำให้เกิดกรรมไม่ดีขึ้นมา เช่น อาจจะเคย แอบไปเบียดเบียนคนอื่น เคยไปคดโกงผู้อื่น หรือเคยไปยืมเงินคนอื่นแล้วไม่คืน แอบพรากประโยชน์ผู้อื่น เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวจนทำให้คนอื่นเสียหาย หรือทำการค้าแบบไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ หรือเป็นคนที่ประมาทในชีวิต เป็นคนเกียจคร้านไม่แสวงหาสิ่งที่ดี สิ่งที่ถูกต้อง มาสู่ชีวิตของตนเอง เป็นต้น
เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เหมือนกับเราเดินทางชีวิตที่ผิดทาง ไปจากความสำเร็จ ความร่ำรวย ที่เราปรารถนาจะได้ หรือเราเองนั้น เอาก้อนหินขนาดใหญ่ ไปปิดทางน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งมันก็คือ การไปสร้างบาป เพื่อปิดทางบุญ ของตัวเองไว้ ซึ่งเราต้องหาให้เจอ เพราะเหตุจากกรรมไม่ดีเหล่านี้ เป็นกรรมใหม่ ที่เราปรับปรุงแก้ไข ได้ด้วยตัวเอง แต่เรา ต้องเปลี่ยนทิศทางเดินชีวิตไปในทางที่ดี เพราะตัวเราเองนั้น จะรู้ว่าเมื่อเราทำแล้ว จะได้ผลอะไรกลับมา เราลองพิจารณาดูว่า เราเป็นคนที่ทำร้ายตัวเอง เราเป็นคนที่ทำตัวเอง ให้ดวงตกหรือไม่ ครูบาอาจารย์ ท่านเมตตาให้คำแนะนำว่า เราต้องปรับความเชื่อเสียใหม่ จากที่หลงผิดทาง หรือเกิดมิจฉาทิฐิ (มิจฉาทิฏฐิ) ขึ้นในใจที่เป็นความมืด ให้กลับมาสู่ทางสว่าง หรือสัมมาทิฐิ (สัมมาทิฏฐิ) นั้น เราจะต้องปรับใจตนเองเสียก่อน ถ้าไม่ปรับใจตัวเองเสียก่อน ก็จะแก้ไขอะไร ไม่ได้ทั้งสิ้น ต้องแก้ที่ใจเราเป็นอันดับแรก ต้องมีความเชื่อ ต้องไม่สงสัยว่ากรรมนั้นมีจริงหรือไม่ ให้รู้ว่าใครทำดีต้องได้ดี ใครทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว แม้ว่าในบางครั้ง กรรมนั้นอาจจะส่งผลช้า แต่อย่างไร มันก็ต้องส่งผล ทั้งกรรมดี และกรรมไม่ดี แต่ถ้าหากเราทำดีแล้วยังคงดวงตกอยู่ คิดทำอะไร ก็ติดขัดไม่สำเร็จ ก็ให้คิดเสียว่า อาจจะมาจากกรรมเก่า ที่กำลังส่งผล โดยมีเจ้ากรรมนายเวร เขามาตามรังควาน ตามอาฆาตอยู่ ครูบาอาจารย์ ท่านได้แนะนำเคล็ดลับ ในการแก้ดวงตกด้วยตัวเอง ที่อาจจะมาจากกรรมเก่า และที่สำคัญให้ทำด้วยความศรัทธา ซึ่งมีเคล็ดลับดังต่อไปนี้ครับ
๑.ให้รักษาศีล ๕ อย่างเคร่งครัด เพราะการรักษาศีล๕จะเป็นเครื่องมือช่วย ในการป้องกัน ไม่ให้เราไปละเมิด กรรมไม่ดีต่อผู้อื่น อีกทั่ง เป็นการหยุด การทำชั่วอย่างสิ้นเชิง ซึ่งคนที่ดวงตกทั้งหลาย ถ้าหากยังละเมิดศีล ๕ อยู่ ผลกรรมที่จะได้รับก็อาจจะหนักหนา จนอาจจะทนทานไม่ไหว เพราะแค่กรรมเก่า ที่มาส่งผลยังลำบาก ดวงตกยังตก ถ้าหากยังไปทำกรรมชั่วอีก ชีวิตก็คงจะหนักขึ้นหลายเท่า การรักษาศีลนั้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างน้อยก็ต้องศีล ๕ หรือถ้าดวงตกหนักมาก ก็อาจะจะต้องรักษาศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือถึงขั้นต้องบวช เพื่อถือศีล ๒๒๗ เพื่อเป็นเกราะป้องกัน ดังที่คนโบราณ หรือครูบาอาจารย์ในอดีตกาล ท่านได้ทราบทางแก้ไขเรื่องนี้ดี ท่านจึงมักจะให้บวชเสีย ถ้าหากคนนั้นพบกับวิบากกรรมหนัก หรือดวงตกอย่างหนัก จนดูแล้วจะไปไม่รอด
๒.หมั่นใส่บาตรทุกวัน เพราะการใส่บาตรทุกวันนั้น เป็นการเสริมบุญให้กับตัวเองแบบง่ายๆ ที่เราทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ครับ
๓.ทำสังฆทานใหญ่ ซึ่งใครที่กำลังรับผลกรรมเก่า จนยากจะรับมือไหว ครูบาอาจารย์ ท่านได้เมตตาแนะนำให้ทำดังนี้
๑.เตรียมอาหารคาวหวานให้ครบ น้ำสะอาด ดอกไม้ธูปเทียน
๒.วัตถุทานที่จัดเป็นปัจจัย ๔ คือ เครื่องบวชพระไตรจีวร บาตรพระพร้อมตาลปัตร ยารักษาโรค ของใช้ ของสงฆ์ตามที่สมควร หนังสือธรรมะ ๑ เล่ม
๓.พระพุทธรูปประจำวันเกิดของตนเอง ให้หน้าตัก 9 นิ้วขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นวัสดุใด ก็ใช้ได้ทั้งสิ้น
๔.ถาดเงิน ๑ ถาด เพื่อเอาไว้ใส่อาหารคาวหวานทั้งหมดรวมกัน
๕.ถาดทองเหลือง ๑ ถาด เพื่อเอาไว้ใส่ของสงฆ์ และพระพุทธรูป
๖.หากิ่งไม้สามง่าม ๑ อันที่เหมือนเวลาเราทอดผ้าป่า เวลาถวาย ให้เอากิ่งไม้สามง่ามตั้งขึ้น เหมือนที่เราเห็นในถังผ้าป่าแล้วเอาผ้าไตรจีวรนั้นพาด พระสงฆ์ท่านจะรับและชักออกไป
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ก็ให้กรวดน้ำอุทิศบุญ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร การที่ครูบาอาจารย์ท่านได้แนะนำ ให้ถวายอาหารคาวหวานให้ครบนั้น ก็เพราะเจ้ากรรมนายเวรบางท่าน อาจจะอยู่ในภาวะหิวกระหาย ไม่มีใครทำบุญไปให้ ยิ่งหิวมาก ก็ยิ่งโกรธแค้นหลายเท่า กับคนที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ ส่วนเครื่องบวชพระไตรจีวรนั้น ก็จะเป็นเครื่องนุ่งห่มทิพย์ ในกรณีที่เขา ไม่มีเสื้อผ้าจะสวมใส่ และการถวายพระพุทธรูป ก็จะนำให้เข้าถึง ระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้า ที่เป็นที่พึ่งของเขาได้จริง ส่วนหนังสือธรรมะ จะทำให้เขาเข้าใจในพระธรรม ที่จะช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ได้จริง ลดความอาฆาตลง และถาดเงิน ถาดทองนั้น ก็เป็นการช่วยให้เขา มีภาชนะเก็บกักของทิพย์ที่เขาได้รับ และจะนำมาใช้เมื่อใดก็ได้ การทำสังฆทานใหญ่นี้ หากมีกำลังทรัพย์ก็ทำเดือนละ ๑ ครั้ง ตรงกับวันที่เกิด แต่หลายๆท่าน อาจจะไม่ค่อยมีเงิน พอที่จะทำสังฆทานใหญ่แบบนี้ เพราะต้องใช้กำลังทรัพย์พอสมควร ครูบาอาจารย์ท่านได้แนะนำว่า ให้ไปที่วัดใดก็ได้ ที่มีการจัดเตรียม เครื่องสังฆทานไว้ให้ แบบครบชุด ซึ่งสมัยนี้ก็มีกันเกือบทุกวัด ให้ใช้ วิธีทำผาติกรรม นำเงินใส่ซองจะ ๕ บาท ๑๐ บาท หรือมากกว่าราคาสังฆทาน หรือเท่าใดก็ได้ ก็ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกัน แต่หากท่านใด ที่ดวงตกอย่างมาก และไม่มีเงินจริงๆ หรือไม่สะดวก อยู่ในที่จำกัดไปไหนมาไหนไม่สะดวก ก็ให้เร่งถือศีล ๕ และสวดมนต์ ทำสมาธิ ก็เป็นการสร้างบุญ โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว หรือหากมีกำลังทรัพย์ ก็เพิ่มทานเข้าไปอีก เอาเงินสัก ๑ บาทหรือตามกำลังก็ได้ หยอดใส่กระปุกไว้ให้เป็นทาน อธิษฐานจิตเป็นสังฆทาน แล้วจึงสวดมนต์สมาทานศีล และทำสมาธิ เพื่อจะให้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา ครบถ้วนในแต่ละวัน เมื่อเงินสะสมในกระปุกมีพอสมควรแล้ว ก็เอาไปถวายพระสงฆ์เป็นสังฆทานก็ได้ หรือเอาไปทำบุญอย่างอื่นก็ได้ หรือท่านใดไม่มีเงิน ก็เอาแรงงานไปเช็ดถู ไปปัดกวาดลานวัด ทำความสะอาดหน้าพระประธาน พระพุทธรูป ที่รายล้อมอยู่ตามศาลาวัด ไปช่วยเขาขนทรายขนปูนที่มีการก่อสร้างในวัด ไปช่วยกิจของสงฆ์ ทั้งไปช่วยโรงครัว โรงทานทำอาหารถวาย ช่วยล้างผลไม้ปอกผลไม้ ล้างจาน กวาดวัด ล้างห้องน้ำ หรือทำอะไรก็ได้ที่เป็นของส่วนรวม แล้วก็อุทิศบุญที่ทำนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และอธิษฐาน ขอให้เป็นสังฆทานได้ทั้งสิ้น อย่าไปคิดแต่เพียงว่า เราต้องใช้เงินอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับการกรวดน้ำนั้น เราควรทำทุกครั้ง หลังจากที่สร้างบุญเสร็จ เพื่อที่จะได้ไม่ตกหล่น แต่ถ้าลืม หรือติดธุระแล้วไม่ได้ทำ แต่ถ้าเรานึกได้เมื่อใด ก็ให้กรวดน้ำใหม่ได้ทันที ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม บุญที่เราทำนั้น ก็ไม่ได้หายไปไหน และน้ำที่เราใช้ในการกรวดน้ำ ก็ควรเป็นน้ำที่สะอาด เมื่อกรวดน้ำเสร็จแล้ว ก็ให้เอาน้ำไปเทราดใต้ต้นไม้กลางแจ้ง ในเวลาที่เท ก็ให้ตั้งจิต กล่าวขอให้พระแม่ธรณี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ท้าวยมราช มาเป็นสักขีพยานในการสร้างบุญ ให้ท่านทั้งหลาย ที่เราอุทิศบุญให้ มารับบุญไป ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น ครบทุกประการ ตามหลักที่ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ครั้งโบราณ ท่านได้แนะนำไว้
๔. หมั่นสวดมนต์ และทำสมาธิทุกวัน การสวดมนต์ก็เพื่อปรับฐานบุญ และทำให้เกิดมงคลแก่ตนเอง และการทำกรรมฐานแก้กรรม หรือที่เรียกกันว่า “สมาธิแก้กรรม” นั้น ก็เป็นของจริง ที่พิสูจน์กันมา ตั้งแต่ครั้งโบราณ การสวดมนต์นั้น ควรทำในตอนเช้า และก่อนนอน หรือเวลาไหนก็ได้ที่เราสะดวก และหากเป็นไปได้ ควรสวดต่อเนื่องกัน เป็นเวลา ๑๕ วันอย่าขาด เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว ก็ให้นั่งสมาธิและวิปัสสนาต่อ เมื่อออกจากสมาธิเจริญภาวนาแล้ว ก็ให้แผ่เมตตาอุทิศบุญ ให้เจ้ากรรมนายเวร ให้มารับบุญที่เกิดขึ้นนี้ และที่สำคัญ แม้ว่าดวงเราจะดีแล้ว ก็อย่าหยุดทำ ให้ทำต่อไป ดวงจะได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
๕.การสงเคราะห์ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา การปล่อยสัตว์ หรือปล่อยปลานั้น ยิ่งสัตว์หรือปลา ที่คนจะเอามาทำเป็นอาหาร แบบว่าสัตว์นั้นเขาต้องตายแน่ๆ ถ้าเราไม่ไปช่วยเขาไว้ ในสมัยพุทธกาลเณรน้อย ที่แม้ถึงฆาต แต่ได้ช่วยปลาจากปลัก ให้ไปอยู่ในแหล่งน้ำสมบูรณ์ ก็ยังรอดตายมาได้ แค่เราดวงตกแค่นี้ ยิ่งทำก็ยิ่งได้ผลหลายเท่า
๖.ร่วมสร้างถาวรวัตถุในทางพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป โบสถ์ วิหาร หรืออะไรก็ตาม ที่เป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก ก็จะเป็นทานใหญ่ที่ก่อให้เกิดโชคลาภ ส่วนสำหรับการร่วมบริจาคนั้น ไม่จำเป็น ต้องเป็นเงินมาก เท่าใดก็ได้ แต่ต้องให้ตรงกับจำนวน หรือมากกว่าที่ตั้งใจไว้ เช่น ตั้งใจทำ ๑ บาท ก็ต้อง ๑ บาทอย่าไปลดบุญตัวเอง ด้วยการทำเพียง ๕๐ สตางค์เพราะเสียดาย ให้ทำตามที่เราตั้งใจจริงๆ เท่าไหร่ ก็เท่านั้น
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เรื่องของดวงตก เงินขาดมือ ชีวิตมีแต่ปัญหา เราสามารถแก้ไขได้ ด้วยการคิดดีทำดี หมั่นสร้างบุญ สร้างกุศล และที่สำคัญ ที่ขาดไม่ได้ อย่าลืมเป็นอันขาด นั้นก็คือ การทำบุญกับพระในบ้าน พ่อและแม่ของเรา จงกตัญญูรู้คุณ ต่อผู้มีพระคุณ และซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ชีวิตจะได้เจริญยิ่งขึ้นไป ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
เป็นบทความที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ ก่อนหน้านี้ดวงตกเหมือนกันเสียดายที่เพิ่งเจอ เพราะตอนนี้ีได้ของเสริมดวงคือ กิมปั่ง โตยเมียที่ช่วยเสริมฮวงจุ้ยและเรียกทรัพย์เรียกโชคให้เราอีกด้วย หากสนใจกิมปั่ง โตยเมียแนะนำให้ลองศึกษาจากซินแสท่านนี้เลยค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=vW7klfe4AIk
ตอบลบ