ให้กำลังใจตัวเอง ด้วยธรรมะ เมื่อรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด
เรื่องของการให้กำลังใจตัวเอง ด้วยธรรมะ
เมื่อรู้สึกว่ากำลังท้อแท้ และสิ้นหวัง มาฝาก ครับ
หลายๆ ท่าน อาจจะสงสัยว่า ตัวเองก็ทำบุญมาก็มาก แต่ทำไมตอนนี้ ยังลำบากอยู่ ที่ผ่านมาก็ทำบุญมาตลอด ทำทานไม่เคยขาด แต่ทำไมชีวิตในตอนนี้ยังลำบาก และยังขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่าง คลิบนี้ ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด จากครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อคิด ให้กับทุกท่าน ในการดำเนินชีวิต เพราะความลำบาก ความยากจน ความทุกข์ทั้งปวงนั้น ล้วนมีเหตุมาจาก วิบากกรรม ทั้งสิ้น แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ครั้งหนึ่งลูกศิษย์ถามพระพุทธองค์ว่า "ในเมื่อท่าน เป็นผู้ที่มีความเมตตา และมีอิทธิฤทธิ์แล้ว ทำไมยังมีคนที่ลำบากอยู่” พระพุทธองค์ทรงเมตตาชี้แจงว่า แม้ว่าเรา จะมีอิทธิฤทธิ์มาก แต่เรามีสี่ประการที่ทำไม่ได้ ประการแรกก็คือ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง วิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมอะไรเอาไว้ ไม่มีใครรับแทนได้ คนนั้นต้องรับเอง ประการที่สอง ปัญญานั้น ให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเอง ถึงจะเกิดปัญญาได้ ประการที่สาม ความศรีวิไลของธรรมะ ไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ในจักรวาล ต้องใช้การปฏิบัติ เป็นหนทางเดียวเท่านั้น เพื่อพิสูจน์ความจริง ประการที่สี่ คนที่ไม่มีวาสนาที่ดีกับเรา จะฟังไม่เข้า ถึงใจเขา เราจึงโปรดเขาไม่ได้ แม้ว่าฝน จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์ กับหญ้าที่ไร้ราก พระธรรม แม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะโปรดคนไร้วาสนา ความลำบาก ความยากเข็ญ ความทุกข์ทรมาน ล้วนมาจากกรรม แม้จะสร้างบุญ หากยังไม่แรงพอ พลังบุญก็ยังไม่ส่งผล แต่การทำบุญ ต้องได้บุญแน่นอน จงหมั่นทำบุญ ย่อมจะส่งผลในซักวัน เมื่อหมดกรรม บุญก่อจะเกิดผล เมื่อนั้นสิ่งดี ย่อม จะเข้ามาในชีวิตอย่างแน่นอน
ชีวิตของคนเรานั้น ย่อมมีสมหวัง ผิดหวังปนเปกันไป ไม่มีใครจะสมหวังได้ตลอดชีวิต และก็ไม่มีใคร ที่ผิดหวังตลอดได้ชีวิตเช่นกัน การที่เรา จะก้าวผ่านปัญหาอุปสรรค และความทุกข์ได้ เราจะต้องมีสติ และปัญญา มีศีลธรรมเป็นพื้นฐาน ไม่ล่วงละเมิด แม้จะมีความทุกข์ และลำบากเพียงใด การตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า อุปสรรคปัญหา คือบทเรียน สอนเราให้เข้มแข็ง คนที่อดทน มีความพยายาม และขยันเท่านั้น จึงจะประสบความสำเร็จได้ ดังคำสอนของพระพุทธองค์ว่า “วายะเมเถวะ ปุริโส ยาวะ อัตถัสสะ นิปฺปะทา” เป็นคน ควรพยายามเรื่อยไป จนกว่าจะพบความสำเร็จ” “ปะฏิรูปะการี ธุระวา อุฏฐาตา วินทะเต ธะนัง” คนที่ขยัน เอาการเอางาน ทำสิ่งที่เหมาะสม ย่อมหาทรัพย์ได้
ความอดทนนั้น ทำให้คนได้ดี ดังเช่น ในมหาสมุทร ถ้าไม่มีคลื่นลม ไม่มีปัญหาอุปสรรค เราจะมีกัปตัน หรือนักเดินเรือ ที่เก่งชำนาญได้อย่างไร พระพุทธองค์กว่าจะบรรลุ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็บำเพ็ญบารมี มานับไม่ถ้วน ชาติสุดท้าย ก็ลองผิด บำเพ็ญทุกกรกิริยา ตั้ง ๖ ปี และหันมาบำเพ็ญเพียรทางจิต จนบรรลุมรรคผล นี่ก็เป็นเพราะ อาศัยความความอดทน แน่วแน่และตั้งใจ บุคคลตัวอย่างในโลกนี้ ที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ทั้งในอดีต ทั้งในปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตาม คุณสมบัติพิเศษ ประการหนึ่ง ที่บุคคลเหล่านั้นต้องมี ก็คือ ความอดทน และความขยัน ซึ่งจะขาดเสียไม่ได้เลย เป็นหนึ่งในคุณธรรม หัวใจพระโพธิสัตว์ ที่เรียกว่า ขันติบารมี อุปบารมี ปรมัตถปารมี ความอดทน พระพุทธองค์ จัดไว้ในมงคลข้อที่ ๒๗ ความอดทน เป็นมงคลสูงสุด ในเบื้องต้นนั้น ความอดทนนั้น มันจะขมขื่น ไม่หวานหอม แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะสม ความอดทน จะผลิตออก ดอกออกผลหอมหวาน เหมือนกล้วยไม้ กว่าจะออกดอก ก็ต้องใช้เวลา แต่พอออกดอกแล้ว ก็สวยงาม
บางคนนั้น ชอบคิดไปไกล ในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ในสิ่งที่ยังไม่เกิด ซึ่งความคิดของเรานั่นเอง ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่ง ของความสุขที่ควรจะเกิด เราควรจะมีความคิดแบบนี้ ให้ลดน้อยลง
บางครั้ง เราน่าจะทำชีวิต ให้ดีกว่านั้นได้ แต่เพราะความคิด ความกังวลมากจนเกินไป ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า ทำให้กังวลใจ ไม่มีความสุข ทำให้ยิ่งหวาดกลัวกับวันข้างหน้า ฉะนั้น อย่าได้ไปคิดมันเลย แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข ทำวันนี้ให้ดีที่สุด กับเวลานี้ ที่มีโอกาสนี้ บางที สิ่งที่เรากังวลไปนั้น มันอาจจะมาไม่ถึงก็ได้ ชีวิตของเรา อาจจะไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น เพราะไม่มีใครรู้ว่า พรุ่งนี้จะตื่นหรือไม่ อย่ากังวล กับอะไรที่ยังมาไม่ถึง จงมองวันนี้ ทำวันนี้ มีความสุข กับทุกวินาที ที่เรายังมีลมหายใจ เวลานั้น มีพอเสมอสำหรับความสุข
ความทุกข์นั้น สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ชีวิตที่พบกับความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้จริง เพราะไม่มีความทุกข์ ก็จะไม่มีการเติบโต ความทุกข์ เป็นพลังขับเคลื่อน ให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ไม่มีใคร ไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือ การเป็นชีวิต ความทุกข์ จะสอนให้แต่ละคน เข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ ถ้าความทุกข์ ไม่เข้ามาหา เราก็จะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น เป็นอย่างไร ไม่มีความทุกข์ ก็ไม่รู้จักกับความสุข เพราะความทุกข์ จะพิสูจน์ ความเป็นคนอ่อนแอ หรือเข้มแข็ง ความทุกข์ เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ ซึ่งต่างจากความสุข ที่ทำให้คนอ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ ความสุข เหมือนสาย ชฝนพรำ อ่อนโยน งดงาม บางเบา แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใด ในความสุข เมื่อใดที่เรามีความทุกข์ ควรยิ้มรับ และคิดว่า โชคดี ที่ได้เจอกับความทุกข์ ได้เรียนรู้ การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง และรู้จักการเติบโต ทุกๆ ก้าว
จงให้กำลังใจตัวเอง ให้มากๆ บอกกับตัวเองว่า โชคดีที่วันนี้ มีความทุกข์ เพราะเมื่อผ่านพ้นความทุกข์ ความสุข ก็จะรออยู่เบื้องหน้า จงใช้ความทุกข์ สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต มีคนมากมาย ที่กังวลกับอนาคต แต่เขา ยังไม่เคยมอง ปัจจุบันเลยว่า เขาทำอะไรอยู่ เมื่อเราอยู่ตัวคนเดียว การให้กำลังใจตัวเองนั้น สำคัญมาก ที่จะทำให้เรา มีแรงเดินต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องยาก ที่เราจะทำได้ แต่ถ้าทำได้ เราจะพบกับความสุข แบบที่เราไม่ต้องพึ่งพาใครเลย
สาเหตุที่เราท้อ เป็นเพราะเรา มองเห็นแต่ความล้มเหลว และยึดมั่นถือมั่น กับผลสำเร็จมากจนเกินไป พอเราไม่ได้ อย่างที่ต้องการ หรือไปไม่ถึง เป้าหมายที่วางไว้ เราก็เลยเป็นทุกข์ ท้อแท้ สิ้นหวัง และหมดกำลังใจ เพราะฉะนั้น ลองคลายความยึดมั่นถือมั่น พยายามมอง สิ่งดีๆ ที่มีอยู่ จงให้กำลังใจตัวเอง บอกกับตัวเองว่า โชคดีที่วันนี้ เรามีความทุกข์ เพราะเมื่อผ่านพ้นความทุกข์ไปแล้ว ความสุข ก็จะรออยู่เบื้องหน้า ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
หลายๆ ท่าน อาจจะสงสัยว่า ตัวเองก็ทำบุญมาก็มาก แต่ทำไมตอนนี้ ยังลำบากอยู่ ที่ผ่านมาก็ทำบุญมาตลอด ทำทานไม่เคยขาด แต่ทำไมชีวิตในตอนนี้ยังลำบาก และยังขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่าง คลิบนี้ ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด จากครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อคิด ให้กับทุกท่าน ในการดำเนินชีวิต เพราะความลำบาก ความยากจน ความทุกข์ทั้งปวงนั้น ล้วนมีเหตุมาจาก วิบากกรรม ทั้งสิ้น แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ครั้งหนึ่งลูกศิษย์ถามพระพุทธองค์ว่า "ในเมื่อท่าน เป็นผู้ที่มีความเมตตา และมีอิทธิฤทธิ์แล้ว ทำไมยังมีคนที่ลำบากอยู่” พระพุทธองค์ทรงเมตตาชี้แจงว่า แม้ว่าเรา จะมีอิทธิฤทธิ์มาก แต่เรามีสี่ประการที่ทำไม่ได้ ประการแรกก็คือ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง วิบากกรรมได้ ใครสร้างกรรมอะไรเอาไว้ ไม่มีใครรับแทนได้ คนนั้นต้องรับเอง ประการที่สอง ปัญญานั้น ให้กันไม่ได้ ต้องฝึกฝนเอาเอง ถึงจะเกิดปัญญาได้ ประการที่สาม ความศรีวิไลของธรรมะ ไม่สามารถสื่อทางภาษาได้ ความจริงแท้ในจักรวาล ต้องใช้การปฏิบัติ เป็นหนทางเดียวเท่านั้น เพื่อพิสูจน์ความจริง ประการที่สี่ คนที่ไม่มีวาสนาที่ดีกับเรา จะฟังไม่เข้า ถึงใจเขา เราจึงโปรดเขาไม่ได้ แม้ว่าฝน จะตกทั่วฟ้า ก็ยังไม่เกิดประโยชน์ กับหญ้าที่ไร้ราก พระธรรม แม้จะกว้างใหญ่ไพศาล ก็ยากที่จะโปรดคนไร้วาสนา ความลำบาก ความยากเข็ญ ความทุกข์ทรมาน ล้วนมาจากกรรม แม้จะสร้างบุญ หากยังไม่แรงพอ พลังบุญก็ยังไม่ส่งผล แต่การทำบุญ ต้องได้บุญแน่นอน จงหมั่นทำบุญ ย่อมจะส่งผลในซักวัน เมื่อหมดกรรม บุญก่อจะเกิดผล เมื่อนั้นสิ่งดี ย่อม จะเข้ามาในชีวิตอย่างแน่นอน
ชีวิตของคนเรานั้น ย่อมมีสมหวัง ผิดหวังปนเปกันไป ไม่มีใครจะสมหวังได้ตลอดชีวิต และก็ไม่มีใคร ที่ผิดหวังตลอดได้ชีวิตเช่นกัน การที่เรา จะก้าวผ่านปัญหาอุปสรรค และความทุกข์ได้ เราจะต้องมีสติ และปัญญา มีศีลธรรมเป็นพื้นฐาน ไม่ล่วงละเมิด แม้จะมีความทุกข์ และลำบากเพียงใด การตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า อุปสรรคปัญหา คือบทเรียน สอนเราให้เข้มแข็ง คนที่อดทน มีความพยายาม และขยันเท่านั้น จึงจะประสบความสำเร็จได้ ดังคำสอนของพระพุทธองค์ว่า “วายะเมเถวะ ปุริโส ยาวะ อัตถัสสะ นิปฺปะทา” เป็นคน ควรพยายามเรื่อยไป จนกว่าจะพบความสำเร็จ” “ปะฏิรูปะการี ธุระวา อุฏฐาตา วินทะเต ธะนัง” คนที่ขยัน เอาการเอางาน ทำสิ่งที่เหมาะสม ย่อมหาทรัพย์ได้
ความอดทนนั้น ทำให้คนได้ดี ดังเช่น ในมหาสมุทร ถ้าไม่มีคลื่นลม ไม่มีปัญหาอุปสรรค เราจะมีกัปตัน หรือนักเดินเรือ ที่เก่งชำนาญได้อย่างไร พระพุทธองค์กว่าจะบรรลุ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็บำเพ็ญบารมี มานับไม่ถ้วน ชาติสุดท้าย ก็ลองผิด บำเพ็ญทุกกรกิริยา ตั้ง ๖ ปี และหันมาบำเพ็ญเพียรทางจิต จนบรรลุมรรคผล นี่ก็เป็นเพราะ อาศัยความความอดทน แน่วแน่และตั้งใจ บุคคลตัวอย่างในโลกนี้ ที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ทั้งในอดีต ทั้งในปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตาม คุณสมบัติพิเศษ ประการหนึ่ง ที่บุคคลเหล่านั้นต้องมี ก็คือ ความอดทน และความขยัน ซึ่งจะขาดเสียไม่ได้เลย เป็นหนึ่งในคุณธรรม หัวใจพระโพธิสัตว์ ที่เรียกว่า ขันติบารมี อุปบารมี ปรมัตถปารมี ความอดทน พระพุทธองค์ จัดไว้ในมงคลข้อที่ ๒๗ ความอดทน เป็นมงคลสูงสุด ในเบื้องต้นนั้น ความอดทนนั้น มันจะขมขื่น ไม่หวานหอม แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะสม ความอดทน จะผลิตออก ดอกออกผลหอมหวาน เหมือนกล้วยไม้ กว่าจะออกดอก ก็ต้องใช้เวลา แต่พอออกดอกแล้ว ก็สวยงาม
บางคนนั้น ชอบคิดไปไกล ในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ในสิ่งที่ยังไม่เกิด ซึ่งความคิดของเรานั่นเอง ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่ง ของความสุขที่ควรจะเกิด เราควรจะมีความคิดแบบนี้ ให้ลดน้อยลง
บางครั้ง เราน่าจะทำชีวิต ให้ดีกว่านั้นได้ แต่เพราะความคิด ความกังวลมากจนเกินไป ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า ทำให้กังวลใจ ไม่มีความสุข ทำให้ยิ่งหวาดกลัวกับวันข้างหน้า ฉะนั้น อย่าได้ไปคิดมันเลย แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข ทำวันนี้ให้ดีที่สุด กับเวลานี้ ที่มีโอกาสนี้ บางที สิ่งที่เรากังวลไปนั้น มันอาจจะมาไม่ถึงก็ได้ ชีวิตของเรา อาจจะไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น เพราะไม่มีใครรู้ว่า พรุ่งนี้จะตื่นหรือไม่ อย่ากังวล กับอะไรที่ยังมาไม่ถึง จงมองวันนี้ ทำวันนี้ มีความสุข กับทุกวินาที ที่เรายังมีลมหายใจ เวลานั้น มีพอเสมอสำหรับความสุข
ความทุกข์นั้น สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ชีวิตที่พบกับความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้จริง เพราะไม่มีความทุกข์ ก็จะไม่มีการเติบโต ความทุกข์ เป็นพลังขับเคลื่อน ให้หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ไม่มีใคร ไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือ การเป็นชีวิต ความทุกข์ จะสอนให้แต่ละคน เข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ ถ้าความทุกข์ ไม่เข้ามาหา เราก็จะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น เป็นอย่างไร ไม่มีความทุกข์ ก็ไม่รู้จักกับความสุข เพราะความทุกข์ จะพิสูจน์ ความเป็นคนอ่อนแอ หรือเข้มแข็ง ความทุกข์ เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ ซึ่งต่างจากความสุข ที่ทำให้คนอ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ ความสุข เหมือนสาย ชฝนพรำ อ่อนโยน งดงาม บางเบา แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใด ในความสุข เมื่อใดที่เรามีความทุกข์ ควรยิ้มรับ และคิดว่า โชคดี ที่ได้เจอกับความทุกข์ ได้เรียนรู้ การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง และรู้จักการเติบโต ทุกๆ ก้าว
จงให้กำลังใจตัวเอง ให้มากๆ บอกกับตัวเองว่า โชคดีที่วันนี้ มีความทุกข์ เพราะเมื่อผ่านพ้นความทุกข์ ความสุข ก็จะรออยู่เบื้องหน้า จงใช้ความทุกข์ สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต มีคนมากมาย ที่กังวลกับอนาคต แต่เขา ยังไม่เคยมอง ปัจจุบันเลยว่า เขาทำอะไรอยู่ เมื่อเราอยู่ตัวคนเดียว การให้กำลังใจตัวเองนั้น สำคัญมาก ที่จะทำให้เรา มีแรงเดินต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องยาก ที่เราจะทำได้ แต่ถ้าทำได้ เราจะพบกับความสุข แบบที่เราไม่ต้องพึ่งพาใครเลย
สาเหตุที่เราท้อ เป็นเพราะเรา มองเห็นแต่ความล้มเหลว และยึดมั่นถือมั่น กับผลสำเร็จมากจนเกินไป พอเราไม่ได้ อย่างที่ต้องการ หรือไปไม่ถึง เป้าหมายที่วางไว้ เราก็เลยเป็นทุกข์ ท้อแท้ สิ้นหวัง และหมดกำลังใจ เพราะฉะนั้น ลองคลายความยึดมั่นถือมั่น พยายามมอง สิ่งดีๆ ที่มีอยู่ จงให้กำลังใจตัวเอง บอกกับตัวเองว่า โชคดีที่วันนี้ เรามีความทุกข์ เพราะเมื่อผ่านพ้นความทุกข์ไปแล้ว ความสุข ก็จะรออยู่เบื้องหน้า ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น