การแผ่เมตตา ไปให้ศัตรูคู่แค้น ได้ประโยชน์อะไร

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด เรื่องของการแผ่เมตตา ไปให้ศัตรูคู่แค้น หรือผู้ที่ไม่หวังดีกับเรา ว่าได้ประโยชน์อะไร มาฝากครับ



พยาบาทนั้น เป็นศัตรูของเมตตาโดยตรง เห็นได้ง่าย และจัดว่าอยู่ไกล คือ ห่างจากเมตตามาก เพราะฉะนั้นเราจงแผ่เมตตาบ่อยๆ การแผ่เมตตานั้น เราสามารถทำได้ทุกเมื่อ ทุกเวลาที่นึกได้ ทำได้ทุกวัน และทำบ่อยๆ ก็ยิ่งดีมาก การแผ่เมตตานั้น มี ๒ ประการด้วยกัน คือ ๑. การแผ่โดยเจาะจง ที่เรียกว่า 'โอทิสผรณา' ๒. การแผ่โดยไม่เจาะจง ที่เรียกว่า 'อโนทิสผรณา' การแผ่โดยเจาะจงนั้น ส่วนมาก มักจะแผ่ในหมู่ชน ที่มีความรักใคร่ เกี่ยวข้องด้วยกัน เช่น บิดามารดา แผ่เมตตา เพราะมีความเยื่อใยในบุตร ธิดา หรือบุตรธิดา มีความเยื่อใย แผ่เมตตา ต่อบิดามารดา หรือเพื่อนมีเมตตา ต่อเพื่อน อย่างนี้ เราเรียกว่าแผ่โดยเจาะจง และการแผ่เมตตา โดยเจาะจงนี้ จะมีผลแรงกว่า การแผ่โดยไม่เจาะจง เพราะเป็นการเจาะจงบุคคล จิตนั้น พุ่งไปโดยตรง แต่มีผล ไม่กว้างขวาง เหมือนกับการ แผ่โดยไม่เจาะจง ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้ที่แผ่เมตตา ไปยังบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ถ้าผู้แผ่มีพลังจิตเพียงพอ ผู้ที่เราแผ่ เมตตาไป ก็จะได้รับผล



ส่วนการแผ่เมตตา ไปให้ศัตรูหรือผู้ที่คิดไม่ดีกับเรานั้น แผ่ไปได้ยาก เพราะคน โดยทั่วไปแล้ว ก็ต้องการให้ศัตรู ของตนเองนั้น ฉิบหาย เดือดร้อน ล่มจม แต่เมื่อมีความปรารถนา โดยเมตตาจิตว่า "ขอให้พวกเขา มีความสุข มีความเจริญ พ้นจากความทุกข์" จิตมันก็ไม่ไป อาจจะไป แต่เพียงปากว่าอย่างเดียว แต่จิตมันไม่ไปด้วย มันยังอาฆาตเคียดแค้นศัตรูอยู่ บางครั้ง ก็เอาเรื่องการต่อสู้ กับศัตรูมาคิดมาฝัน อยากจะให้เขาตายบ้าง ต่อสู้กับเขาบ้าง เพราะจิตนั้น ยังมีความอาฆาต ยังมีความพยาบาท และมีความเคียดแค้นอยู่ เพราะเหตุนี้ ครูบาอาจารย์ ท่านจึงบอกอุบายแนะนำว่า ถ้าแผ่ไปแล้ว จิตเรายังไม่สงบ คือยังไม่หายพยาบาท ยังไม่หายเคียดแค้น ก็ให้คิดว่า ความโกรธนั้น ดีอย่างไรบ้าง ความพยาบาทนั้น ดีอย่างไรบ้าง แท้ที่จริงแล้ว ความโกรธ หรือความพยาบาทนั้น เป็นไฟเกิดขึ้น ก็เผาตัวเราก่อน ทำให้เราเดือดร้อนวุ่นวายก่อน จึงจะไปเผาผู้อื่น มองให้เห็นโทษ ของความพยาบาท การแผ่เมตตาจิตของเรา ก็อาจจะเกิดผลได้ จิตอาจจะอ่อนลงได้

แต่หากจิตเรายังอ่อน คือยังไม่หายโกรธ ครูบาอาจารย์ท่านเตือนสติว่า ให้พยายามนึกถึง คุณความดี ของผู้ที่เราอาฆาตนั้น ว่าเขา เคยให้อะไรเราบ้าง เช่น เคยสั่งสอนเรามาบ้างหรือไม่ เคยให้น้ำเราสักแก้วบ้างหรือไม่ เป็นต้น ถ้าความดี หรือคุณของเขา ก็มีอยู่บ้าง ก็พยายามคิดถึง ความดีที่เขามีอยู่ อย่าไปคิดถึง ความเสียของเขา คิดได้แบบนี้ใจเรา ก็อาจจะหายโกรธลงไปได้ จะได้ทำใจให้สบาย เหมือนดั่งที่ ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำไว้ วิธีทำใจให้สบายคือ อย่ามองคน ในแง่ร้าย ให้มองในแง่ที่ว่า เขามีส่วนเลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอา ส่วนดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบ้าง ยังน่าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ของเขาเลย จะได้คนมีดี โดยส่วนเดียว อย่ามัวเที่ยว ค้นหาสหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่าตายเปล่าเอย ฝึกให้เคย มองให้ดีมีคุณจริง นี้เป็นวิธี ทำใจให้สบาย เป็นลักษณะของคน มีเมตตาจิต

แต่ถ้าหากมองแล้ว ใจของเรา ก็ยังไม่หายโกรธ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ให้พยายามคิดถึง ความเป็นญาติกันว่า คนที่เราโกรธนั้น เคยเป็นญาติพี่น้อง ของเรามา คือ ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ทุกคน เคยเป็นญาติกันทั้งสิ้น คือ เรานั้น เป็นญาติกันในหลายลักษณะ ดั่งเช่น เป็นญาติกันในสังสารวัฏ คือ เป็นญาติ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ไม่เคยเป็นมารดา ที่ไม่เคยเป็นบิดา ที่ไม่เคยเป็นพี่น้อง ผู้ที่ไม่เคยเป็นบุตร ผู้ที่ไม่เคยเป็นธิดา ไม่ใช่หาได้ง่าย (ในสังสารวัฏ)" หมายความว่า ในสังสารวัฏ อันไม่มีที่สิ้นสุดนี้ เราทุกคนนั้น เคยเกิดเป็นพี่เป็นน้องกัน ถ้าหากว่า ผู้ที่เราจะโกรธ แต่ละคนนั้น ในชาติก่อน อาจเคยเป็นแม่เราก็ได้ เคยอุ้มท้อง ทะนุถนอมเรามา ถ้าเราไปฆ่าไปทำลายคนนั้น ก็เท่ากับว่า ได้ฆ่าแม่ของเรา เมื่อคิดอย่างนี้ เมตตาจิตก็เกิดขึ้น อาจจะทำให้เวรนั้น สงบลงไปได้

แต่ถ้า ความโกรธนั้นยังไม่หาย ครูบาอาจารย์ ท่านให้ข้อคิดเตือนสติว่า ให้พิจารณาถึงอานิสงส์ ของการเจริญเมตตา ๑๑ อย่าง คือ
๑.หลับก็เป็นสุข ไม่ทุรนทุราย ไม่ละเมอไปต่างๆ นานา
๒.ตื่นก็เป็นสุข คือ ตื่นด้วยความอิ่ม ไม่ตื่นแบบหวาดผวา หรืองัวเงีย
๓.ไม่ฝันร้าย เพราะคนเจริญเมตตาจะฝันดี รู้สึกสบายใจ ในเรื่องที่ฝันเห็น
๔.อมนุษย์ทั้งหลายจะรักใคร่ อมนุษย์ตรงนี้ หมายถึง ผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ทั้งหมด ได้แก่ สัตว์เดรัจฉาน เทวดา เปรต อสุรกาย ที่เรียกว่า ผี และ สัตว์นรก ในที่ใดที่มีภัย อมนุษย์ทั้งหมดจะรักใคร่ ไม่ทำร้ายผู้เจริญเมตตา
๕.มนุษย์ทั้งหลายจะรักใคร่ คนที่มีเมตตา ไม่พยาบาทกับใครนั้น ทำให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รักใคร่ เอ็นดู สงสาร อยากจะช่วยเหลือ
๖.เทวดาทั้งหลาย ย่อมคุ้มครองผู้นั้น เทวดาชอบคนดี ย่อมคุ้มครองคนดี จึงกล่าวกันว่า มีเราบางคน มีเทวดาติดตามอยู่เป็นประจำ ทั้งนี้ก็เพราะว่า เทวดาบางองค์นั้น เคยเป็นแม่ของเราในชาติก่อน หรือเคย เป็นพ่อ หรือเคยเป็นเพื่อน หรือบางท่าน ไม่เคยเป็นอะไรกัน แต่ได้เมตตาจิตจากเรา ก็ให้การคุ้มครองรักษา
๗.ไฟ ศาสตรา อาวุธ ยาพิษ ไม่อาจจะกล้ำกราย ผู้นั้นได้ อันนี้ ถือว่าสำคัญมาก ถ้าใครสามารถนำของขลัง คือ เมตตา เข้ามาไว้ในตัวเราได้แล้ว คือ ทำเมตตาจิต ให้เกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่จำเป็น ต้องเสกน้ำล้างหน้า ไม่จำเป็นต้องแขวนพระ ที่เจริญเมตตาคุณ เข้ามาไว้ในตัว นี้เป็นอานิสงส์ ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสไว้
๘.ผิวหน้าย่อมผ่องใส คนเจริญเมตตานั้น ย่อมมีผิวพรรณผ่องใส ผู้ที่เจริญเมตตามาก มองดูแล้วสบายใจ เข้าไปหาท่านแล้วชื่นใจ เป็นที่เคารพเลื่อมใส ของคนทั่วไป ผิวพรรณ ก็ผ่องใสด้วย อายุก็ยืน ผิวหน้า ไม่มีริ้วรอย แห่งความโกรธ
๙.จิตย่อมตั้งมั่น เป็นสมาธิได้เร็ว ถ้าใครเจริญเมตตาอยู่เป็นประจำ บ่อยๆ ทุกวัน ทุกคืน จิตจะเป็นสมาธิ ได้ไวกว่า คนที่ไม่เจริญเมตตา
๑๐.เมื่อตาย เป็นผู้ไม่หลงตาย เพราะการเจริญเมตตาจิตบ่อยๆ ความหลงตาย ในขณะตาย จะไม่มี ไม่เพ้อ บางคนนั้น ก่อนตายเพ้อ อย่างนั้นอย่างนี้ จำอะไรไม่ได้ แม้แต่คนใกล้ชิด แต่คนที่เจริญเมตตาจิต จะเป็นคน ไม่หลงตาย
๑๑.เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ไปบังเกิดในพรหมโลก อันนี้หมายถึง ท่านผู้ใด ที่ได้ฌานโดยเฉพาะเท่านั้น สำหรับผู้ที่ ยังไม่ได้ฌาน ก็ไปบังเกิด ตามภพภูมิของตน

"ขอให้สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่อยู่ในเบื้องบน จงมีความสุข พ้นจากความทุกข์ ที่อยู่ในเบื้องล่าง จงมีความสุข พ้นจากความทุกข์ ที่อยู่ในทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้ จงมีความสุข พ้นจากความทุกข์ ที่อยู่ในเบื้องขวาง ที่อยู่ในท่ามกลาง ก็จงพ้นจากความทุกข์ จงมีแต่ความสุขเถิด"

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ (สัมมาสมาธิ)