วิธีทำให้คนรอบข้าง รู้สึกดีกับเรา
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมี ข้อคิดดีๆ
เกี่ยวกับ วิธีทำให้ คนรอบข้าง รู้สึกดีกับเรา มาฝากครับ
ในยามที่เรารู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจนั้น มันยากที่จะยอมรับ กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ตัวเราเท่านั้น ที่รู้สึกเครียด คนที่อยู่รอบข้างตัวเรา ก็เครียดตามไปด้วย แต่มันคงจะดี ถ้าเรามีคนรอบข้าง ที่คิดดีกับเรา หรือคอยให้กำลังใจเรา และคอยให้คำปรึกษาเรา ในเวลาที่เรา พบเจอกับปัญหาต่างๆ ซึ่งมันก็คงจะไม่ง่ายนัก หากเราจะให้คนอื่น มารู้สึกดีกับเราก่อน โดยที่เราไม่รู้สึกดีกับเขา หรือไม่จริงใจกับเขาก่อน คลิบนี้ผมจึงเอาข้อคิดดีๆ ซึ่งเป็นวิธี ที่ทำให้คนรอบข้าง รู้สึกดีกับเรา มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดในการใช้ชีวิต เรามาดูกันครับว่า ข้อคิดดีๆ ที่เรานำไปใช้แล้ว ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีกับเรา จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย ครับ
๑. ให้กำลังใจ
การรดน้ำพรวนดิน และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ ก็เพื่อจะช่วยให้มันเจริญงอกงามยิ่งขึ้น การให้กำลังใจแก่ผู้อื่น ก็เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ และไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด เพศใด วัยใด ทุกคนล้วนต้องการได้ยินคำพูด หรือการกระทำ ที่ยอมรับ และสนับสนุนพวกเขา ดังนั้น จงอย่ารีรอ ที่จะแสดงให้คนรอบข้างรู้สึกมีกำลังใจ ในยามที่พวกเขา ต้องการมันอย่างแท้จริง
๒. ชื่นชมอย่างจริงใจ
จงกล่าวคำชื่นชม แก่บุคคลที่ทำงานได้ดี หรือมีคุณลักษณะพิเศษ ที่น่าชมเชย เมื่อเราสังเกตเห็น แต่ถ้าไม่สามารถพูดต่อหน้าได้ ก็ควรหาช่องทางอื่น เช่น โทรศัพท์ ส่งไลน์ หรือส่งอีเมล เพื่อบอกถึงสิ่งที่เราชื่นชม รับรองว่า ผู้รับนั้น ย่อมรู้สึกถึงสิ่งที่ดี ที่มาจากใจเราได้อย่างแน่นอน
๓. ยกย่องในที่สาธารณะ
การชื่นชมเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีไปกว่านั้น หากเราชื่นชม คนที่ทำดี ต่อหน้าบุคคลอื่นๆ เพราะการยกย่องบุคคล ในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร จะทำให้ให้พวกเขา เกิดความมั่นใจ ในการทำความดีมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องชมเชย เฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น แต่หากพนักงานขายของ ที่ใส่ใจในบริการ หรือพนักงานเสิร์ฟ ที่คอยบริการอย่างเต็มที่ เราก็ควรเอ่ยปากชม ซึ่งจะยิ่งทำให้เขา อยากปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น
๔. ตั้งใจฟัง
การฟังนั้น มิใช่เป็นการได้ยินแบบเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา แต่ควรตั้งใจฟัง ในเรื่องราวสาระ ที่เขากำลังพูด เพราะเมื่อเราตั้งใจฟัง พยายามเข้าใจความคิดของเขา และอย่าขัดจังหวะ ก็จะทำให้ผู้พูดรู้สึกดี ที่มีคนตั้งใจฟัง ในสิ่งที่เขากำลังพูด
๕. เต็มใจช่วยเหลือ
หากเราสังเกตเห็น เพื่อนร่วมงาน ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และต้องการความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน จงอย่ารีรอ ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย เท่าที่เราจะสามารถช่วยได้ อย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากเรา จะได้ใจเพื่อนแล้ว ก็ยังทำให้เขารู้สึกดีขึ้น และยังเป็นการช่วยให้เขา เห็นคุณค่าของตัวเอง ว่าเขา ยังมีคนที่เป็นห่วง และพร้อมจะช่วยเหลือในยามทุกข์ยาก
๖. พูดคุยแต่เรื่องที่ดี
คนทุกคนนั้น ล้วนอยากมีความสุข มากกว่าความทุกข์ ดังนั้น การพูดคุยเรื่องราวดีๆ ย่อมนำความสุขมาให้ มากกว่าเรื่องร้ายๆ และการพูดคุย ไถ่ถาม เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาชื่นชอบ เช่น งานอดิเรก กีฬา สถานที่ท่องเที่ยว หรือรายการทีวี เป็นต้น ก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า เราใส่ใจในตัวเขาอย่างแท้จริง และเขาเองก็จะรู้สึกดี ที่ได้คุยเรื่องเหล่านี้กับเรา
๗. ให้ความรัก
พื้นฐานของมนุษย์นั้น ต้องการความรัก และความรัก ก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆ มากมาย ทั้งแก่ผู้ให้และผู้รับ เมื่อเราเข้าใจข้อนี้ จึงควรแบ่งปันความรัก ให้กับเขาเท่าที่จะทำได้ ความรักนั้น มีหลายรูปแบบ เช่น ความรักระหว่าง ญาติสนิท มิตรสหาย ความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น
๘. โทรถามทุกข์สุข
อย่ามัวแต่ผัดผ่อน หรือรอจนถึงวาระพิเศษ ที่เราจะโทรหาคนในครอบครัว หรือญาติสนิท มิตรสหาย เพื่อไต่ถามทุกข์สุข หรือบอกกล่าวความรัก และคิดถึง ยิ่งโลกปัจจุบัน เป็นโลกที่การสื่อสารก้าวไกล การได้พูดคุยกันบ่อยๆ จะช่วยให้คนปลายสายรู้สึกดี ที่ยังมีใครบางคนคิดถึง และเป็นห่วงอยู่เสมอ
๙. ระวังภาษากายเชิงลบ
การแสดงท่าทาง หรือภาษากาย เปรียบเหมือนการพูดอย่างไร้เสียง และบ่อยครั้ง ที่เรามักแสดงออกโดยไม่รู้ตัว แต่ที่ควรระวัง คือ การแสดงภาษากาย ที่บอกถึงความเบื่อหน่าย หรือไม่สนใจ เช่น การกอดอก ถอนหายใจหนักๆ กำมือแน่น หรือทำหน้าบึ้ง เป็นต้น เพราะจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่ดี ดังนั้น จึงควรฝึกตนเอง ให้รู้จักควบคุมภาษากายเชิงลบ ที่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่
๑๐. ยิ้มบ่อยๆ
รอยยิ้มเป็นภาษากายเชิงบวก และรอยยิ้มที่มาจากใจ เป็นภาษาสากล ไม่เคยล้าสมัย แม้วันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด อีกทั้งยังสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้ใครบางคนได้อย่างเหลือเชื่อ ยิ่งในสถานการณ์ที่มืดมน แค่รอยยิ้มที่ดูอบอุ่น จริงใจ ที่เรามีให้คนรอบๆ ข้าง ก็อาจทำให้โลกสว่างไสวได้ในพริบตา และทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมา ได้ในทันที
๑๑. อย่าบ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์
คนขี้บ่นนั้น มักทำให้คนข้างๆ รู้สึกรำคาญใจ พอๆ กับคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นในทางลบ เพราะเท่ากับเป็นการซ้ำเติม ให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิม ทางที่ดี คือ การหยุดบ่น และหยุดวิพากษ์วิจารณ์ แล้วหันมาพูดคุยกัน ด้วยเหตุด้วยผล
๑๒. รู้จักทักทาย
บางครั้ง การทักทายด้วยถ้อยคำสั้นๆ เช่น “สบายดีมั้ย” “กินข้าวหรือยัง” ก็เพียงพอ ที่จะทำให้คนที่ถูกถามนั้น รู้สีกดีขึ้นมาได้เหมือนกัน
๑๓. มีอารมณ์ขัน
อารมณ์ขันทำให้โลกสดชื่น น่ารื่นรมย์ คนที่มีอารมณ์ขัน ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เพราะจะช่วยสร้างเสียงหัวเราะ ทำให้คนรอบข้างคลายเครียด และมีความสุข แต่หากเราไม่ใช่คนตลกขบขัน ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทำ แค่รู้จักขำ และหัวเราะ เมื่อคนอื่นพูดคุยตลก ก็เพียงพอ ที่จะทำให้การสนทนาพูดคุย ออกรสชาติยิ่งขึ้น
๑๔. ให้ของขวัญ
ใครๆ ก็อยากได้ของขวัญ แม้ไม่ใช่ในวาระพิเศษ เพราะมันทำให้ผู้รับ รู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญขึ้นในทันที แต่อย่าไปยึดติดว่า ของขวัญที่เราจะให้ผู้อื่นนั้น ต้องมีราคาแพงเสมอไป เพราะคุณค่าของมัน อยู่ที่จิตใจ มิใช่มูลค่าของสิ่งของ แค่เพียงดอกไม้สักช่อ หรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาชอบ ก็ทำให้ผู้รับมีความสุขแล้ว
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชมข้อคิดดีๆ วิธีทำให้ คนรอบข้าง รู้สึกดีกับเรา จงมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นด้วยความจริงใจ แล้วเราก็จะได้สิ่งดีๆ ตอบแทน ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ในยามที่เรารู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง หรือหมดกำลังใจนั้น มันยากที่จะยอมรับ กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ตัวเราเท่านั้น ที่รู้สึกเครียด คนที่อยู่รอบข้างตัวเรา ก็เครียดตามไปด้วย แต่มันคงจะดี ถ้าเรามีคนรอบข้าง ที่คิดดีกับเรา หรือคอยให้กำลังใจเรา และคอยให้คำปรึกษาเรา ในเวลาที่เรา พบเจอกับปัญหาต่างๆ ซึ่งมันก็คงจะไม่ง่ายนัก หากเราจะให้คนอื่น มารู้สึกดีกับเราก่อน โดยที่เราไม่รู้สึกดีกับเขา หรือไม่จริงใจกับเขาก่อน คลิบนี้ผมจึงเอาข้อคิดดีๆ ซึ่งเป็นวิธี ที่ทำให้คนรอบข้าง รู้สึกดีกับเรา มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดในการใช้ชีวิต เรามาดูกันครับว่า ข้อคิดดีๆ ที่เรานำไปใช้แล้ว ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีกับเรา จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย ครับ
๑. ให้กำลังใจ
การรดน้ำพรวนดิน และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ ก็เพื่อจะช่วยให้มันเจริญงอกงามยิ่งขึ้น การให้กำลังใจแก่ผู้อื่น ก็เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ และไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด เพศใด วัยใด ทุกคนล้วนต้องการได้ยินคำพูด หรือการกระทำ ที่ยอมรับ และสนับสนุนพวกเขา ดังนั้น จงอย่ารีรอ ที่จะแสดงให้คนรอบข้างรู้สึกมีกำลังใจ ในยามที่พวกเขา ต้องการมันอย่างแท้จริง
๒. ชื่นชมอย่างจริงใจ
จงกล่าวคำชื่นชม แก่บุคคลที่ทำงานได้ดี หรือมีคุณลักษณะพิเศษ ที่น่าชมเชย เมื่อเราสังเกตเห็น แต่ถ้าไม่สามารถพูดต่อหน้าได้ ก็ควรหาช่องทางอื่น เช่น โทรศัพท์ ส่งไลน์ หรือส่งอีเมล เพื่อบอกถึงสิ่งที่เราชื่นชม รับรองว่า ผู้รับนั้น ย่อมรู้สึกถึงสิ่งที่ดี ที่มาจากใจเราได้อย่างแน่นอน
๓. ยกย่องในที่สาธารณะ
การชื่นชมเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีไปกว่านั้น หากเราชื่นชม คนที่ทำดี ต่อหน้าบุคคลอื่นๆ เพราะการยกย่องบุคคล ในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร จะทำให้ให้พวกเขา เกิดความมั่นใจ ในการทำความดีมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องชมเชย เฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น แต่หากพนักงานขายของ ที่ใส่ใจในบริการ หรือพนักงานเสิร์ฟ ที่คอยบริการอย่างเต็มที่ เราก็ควรเอ่ยปากชม ซึ่งจะยิ่งทำให้เขา อยากปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น
๔. ตั้งใจฟัง
การฟังนั้น มิใช่เป็นการได้ยินแบบเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา แต่ควรตั้งใจฟัง ในเรื่องราวสาระ ที่เขากำลังพูด เพราะเมื่อเราตั้งใจฟัง พยายามเข้าใจความคิดของเขา และอย่าขัดจังหวะ ก็จะทำให้ผู้พูดรู้สึกดี ที่มีคนตั้งใจฟัง ในสิ่งที่เขากำลังพูด
๕. เต็มใจช่วยเหลือ
หากเราสังเกตเห็น เพื่อนร่วมงาน ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และต้องการความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน จงอย่ารีรอ ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย เท่าที่เราจะสามารถช่วยได้ อย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากเรา จะได้ใจเพื่อนแล้ว ก็ยังทำให้เขารู้สึกดีขึ้น และยังเป็นการช่วยให้เขา เห็นคุณค่าของตัวเอง ว่าเขา ยังมีคนที่เป็นห่วง และพร้อมจะช่วยเหลือในยามทุกข์ยาก
๖. พูดคุยแต่เรื่องที่ดี
คนทุกคนนั้น ล้วนอยากมีความสุข มากกว่าความทุกข์ ดังนั้น การพูดคุยเรื่องราวดีๆ ย่อมนำความสุขมาให้ มากกว่าเรื่องร้ายๆ และการพูดคุย ไถ่ถาม เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาชื่นชอบ เช่น งานอดิเรก กีฬา สถานที่ท่องเที่ยว หรือรายการทีวี เป็นต้น ก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า เราใส่ใจในตัวเขาอย่างแท้จริง และเขาเองก็จะรู้สึกดี ที่ได้คุยเรื่องเหล่านี้กับเรา
๗. ให้ความรัก
พื้นฐานของมนุษย์นั้น ต้องการความรัก และความรัก ก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆ มากมาย ทั้งแก่ผู้ให้และผู้รับ เมื่อเราเข้าใจข้อนี้ จึงควรแบ่งปันความรัก ให้กับเขาเท่าที่จะทำได้ ความรักนั้น มีหลายรูปแบบ เช่น ความรักระหว่าง ญาติสนิท มิตรสหาย ความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น
๘. โทรถามทุกข์สุข
อย่ามัวแต่ผัดผ่อน หรือรอจนถึงวาระพิเศษ ที่เราจะโทรหาคนในครอบครัว หรือญาติสนิท มิตรสหาย เพื่อไต่ถามทุกข์สุข หรือบอกกล่าวความรัก และคิดถึง ยิ่งโลกปัจจุบัน เป็นโลกที่การสื่อสารก้าวไกล การได้พูดคุยกันบ่อยๆ จะช่วยให้คนปลายสายรู้สึกดี ที่ยังมีใครบางคนคิดถึง และเป็นห่วงอยู่เสมอ
๙. ระวังภาษากายเชิงลบ
การแสดงท่าทาง หรือภาษากาย เปรียบเหมือนการพูดอย่างไร้เสียง และบ่อยครั้ง ที่เรามักแสดงออกโดยไม่รู้ตัว แต่ที่ควรระวัง คือ การแสดงภาษากาย ที่บอกถึงความเบื่อหน่าย หรือไม่สนใจ เช่น การกอดอก ถอนหายใจหนักๆ กำมือแน่น หรือทำหน้าบึ้ง เป็นต้น เพราะจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่ดี ดังนั้น จึงควรฝึกตนเอง ให้รู้จักควบคุมภาษากายเชิงลบ ที่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่
๑๐. ยิ้มบ่อยๆ
รอยยิ้มเป็นภาษากายเชิงบวก และรอยยิ้มที่มาจากใจ เป็นภาษาสากล ไม่เคยล้าสมัย แม้วันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด อีกทั้งยังสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้ใครบางคนได้อย่างเหลือเชื่อ ยิ่งในสถานการณ์ที่มืดมน แค่รอยยิ้มที่ดูอบอุ่น จริงใจ ที่เรามีให้คนรอบๆ ข้าง ก็อาจทำให้โลกสว่างไสวได้ในพริบตา และทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมา ได้ในทันที
๑๑. อย่าบ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์
คนขี้บ่นนั้น มักทำให้คนข้างๆ รู้สึกรำคาญใจ พอๆ กับคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นในทางลบ เพราะเท่ากับเป็นการซ้ำเติม ให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิม ทางที่ดี คือ การหยุดบ่น และหยุดวิพากษ์วิจารณ์ แล้วหันมาพูดคุยกัน ด้วยเหตุด้วยผล
๑๒. รู้จักทักทาย
บางครั้ง การทักทายด้วยถ้อยคำสั้นๆ เช่น “สบายดีมั้ย” “กินข้าวหรือยัง” ก็เพียงพอ ที่จะทำให้คนที่ถูกถามนั้น รู้สีกดีขึ้นมาได้เหมือนกัน
๑๓. มีอารมณ์ขัน
อารมณ์ขันทำให้โลกสดชื่น น่ารื่นรมย์ คนที่มีอารมณ์ขัน ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เพราะจะช่วยสร้างเสียงหัวเราะ ทำให้คนรอบข้างคลายเครียด และมีความสุข แต่หากเราไม่ใช่คนตลกขบขัน ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทำ แค่รู้จักขำ และหัวเราะ เมื่อคนอื่นพูดคุยตลก ก็เพียงพอ ที่จะทำให้การสนทนาพูดคุย ออกรสชาติยิ่งขึ้น
๑๔. ให้ของขวัญ
ใครๆ ก็อยากได้ของขวัญ แม้ไม่ใช่ในวาระพิเศษ เพราะมันทำให้ผู้รับ รู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญขึ้นในทันที แต่อย่าไปยึดติดว่า ของขวัญที่เราจะให้ผู้อื่นนั้น ต้องมีราคาแพงเสมอไป เพราะคุณค่าของมัน อยู่ที่จิตใจ มิใช่มูลค่าของสิ่งของ แค่เพียงดอกไม้สักช่อ หรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาชอบ ก็ทำให้ผู้รับมีความสุขแล้ว
เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชมข้อคิดดีๆ วิธีทำให้ คนรอบข้าง รู้สึกดีกับเรา จงมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่นด้วยความจริงใจ แล้วเราก็จะได้สิ่งดีๆ ตอบแทน ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น