ข้อคิดเตือนใจ ก่อนที่จะทะเลาะกัน หรือเลิกราจากกันไป

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้มีข้อคิดเตือนใจ ก่อนที่เราจะทะเลาะกัน หรือเลิกรากัน มาฝากครับ



ในวันที่เราทะเลาะกัน หรือในวันที่คิดจะเลิกรากัน จะมีสักกี่คน ที่มีสติและคิดทบทวน ในวันและเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน และได้รู้จักกัน เชื่อว่ามีหลายๆ ท่าน คงจะเคยยืนทะเลาะกับคู่รัก ก่อนเข้าโรงหนัง แล้วสุดท้าย ก็จบลงด้วย ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งแทนที่จะได้ดูหนังกันดีๆ แต่ก็มีเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันก่อน หรือบางคน ก็อาจจะเคยพยายาม ที่จะบอกกับแฟนของตัวเองว่า รู้สึกอย่างไร แต่พูดยังไงแฟนก็ไม่เข้าใจ แถมกลับขึ้นเสียงใส่กันอีก จนทำให้เกิดเรื่องใหญ่โต แล้วก็จบลงที่ ต่างคนก็ต่างจากกันไป หรือถ้าหากทะเลาะกันผ่านโทรศัพท์ ก็วางหูกระแทกใส่กัน แล้วสุดท้าย ก็กลับไปนอนร้องไห้ เสียใจ และก็ยังมีอีกหลายๆ ท่าน ที่ทะเลาะเรื่องหนึ่งกับคนรัก แต่สุดท้ายเมื่ออารมณ์ขึ้น ก็กลับขุดคุ้ยทุกสิ่งทุกอย่าง อีกร้อยแปดพันเรื่องขึ้นมาทะเลาะกัน และจบลงเรื่องที่ทะเลาะกัน ก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย แถมทะเลาะกันลั่นบ้าน แล้วจบลงด้วยประโยคที่ว่า "เลิกกันไปเลย" หรือเวลาที่ไปต่างจังหวัดกับแฟน ก็มีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต จนทำให้ตัวเองน้อยใจสารพัด แล้วจบลงด้วย การเก็บกระเป๋า แล้วขับรถกลับบ้านทันที หลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็เกิด ทั้งๆ ที่ยังรักกันอยู่ แต่ทำไมรู้สึกอึดอัด บางคนนั้น แทบจะทะเลาะกันทุกวินาที ซึ่งถ้าเรา ไม่รู้จักปรับตัวเข้าหากัน สุดท้ายก็ต้องเลิกกันไปในที่สุด คลิบนี้ผมจึงเอาข้อคิดดีๆ มาให้ทุกท่านได้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดไว้เตือนสติ ให้กับทุกท่าน เพราะเวลาที่เรา ได้เจอกับคนดีๆ สักคน ที่ก้าวเข้ามาในชีวิต เราก็คงจะแอบฝันไว้เหมือนกันว่า ขอให้เรากับเขา รักกันไปนานๆ อยู่กินกันไปนานๆ จะกี่เดือน กี่ปีผ่านไปไม่รู้ แต่รักของเราทั้งสองจะยังคงเหมือนเดิม ซึ่งมันไม่ใช่ เรื่องที่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ได้ยาก จนเป็นความจริงไม่ได้ แค่เรารู้จักดูแลความรักดีๆ ไว้ เราก็จะมีความสุข กับความรักที่เป็นอยู่ได้อย่างมาก เรามาดูกันครับว่า ข้อคิดดีๆ ที่คอยเตือนสติ เพื่อให้เรา ไม่ต้องเลิกรากัน หรือทะเลาะกันบ่อยๆ จะมีข้อคิดอะไรบ้าง ไปชมกันเลยครับ



๑.ยอมรับในความแตกต่าง คนเรา ไม่มีใครคิด เหมือนกันได้ทุกอย่าง ในความเหมือน ก็ต้องมีความแตกต่าง เขาอาจจะคิดไม่เหมือนเรา ก็เป็นเพราะเขา มีลักษณะแตกต่างกัน บางคนใช้ความคิดเป็นหลัก บางคนใช้ความรู้สึกตัดสิน บางคนใช่สัญชาตญาน เพราะฉะนั้นคนทุกคน ล้วนมีความแตกต่างกัน เราต้องรู้จักเรียนรู้ และยอมรับ ความแตกต่างตรงจุดนี้ให้ได้ โดยเฉพาะ ยอมรับข้อเสียของกัน และกันได้ ถ้าเรายอมรับได้ เรื่องร้ายๆ ก็จะไม่เกิด เพราะจริงๆ แล้ว คนเราจะไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว อย่าคาดหวังว่า เขาจะเปลี่ยนให้เราได้ ไม่อย่างนั้น จะทำให้เราเสียใจ และเป็นทุกข์ใจเสียเปล่า

๒.ความเข้าใจ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะทั้งสองคน มาจากต่างครอบครัว ถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน แล้วถ้าเราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเรา ก็ทำให้เราไม่ต้องทะเลาะกัน บางครั้ง ก็อาจจะมีเรื่อง ให้เราเซอร์ไพรส์ ทั้งดี และร้าย แต่ถ้าเรารู้ว่า ทำไมเขาทำแบบนี้ เป็นแบบนี้เพราะอะไร รู้ที่มา ที่ไป ของพฤติกรรมของเขา เราก็จะไม่โกรธ และในขณะเดียวกัน เขาเอง ก็ควรจะเข้าใจตัวเราให้มากๆ ด้วย ต้องเป็นความเข้าใจ ที่เกิดจากคนสองคน

๓. ต้องรู้จักสังคมของเขา และให้เขารู้จักสังคมของเรา โดยเฉพาะ คนสนิทที่อยู่แวดล้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นสังคมเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ควรทำความรู้จักไว้ ต่างคน ต่างจะได้รู้ว่า สังคมของกันและกัน เป็นอย่างไร ถ้าเราไม่สนใจเลย เราไม่รู้จักเพื่อนเขา อาจทำให้ความรู้สึกระหว่างกัน มันขาดๆ หายๆ ไป เวลาคุยกันเรื่องเพื่อน ก็มักจะต่อกันไม่ค่อยติด เวลาเขาไปไหนกับเพื่อน ก็ไม่อยากให้เราไปด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะต้องติดตามกันไปทุกครั้ง ไม่อย่างนั้น จะทำให้เขาอึดอัดแทน พอคบกัน ไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็จะเริ่มอยากกลับไปเจอเพื่อน ไม่ใช่ว่า เขาจะรักเราน้อยลง เขายังซื่อสัตย์ ยังเป็นห่วงอยู่ แต่บางที เวลาอยู่ด้วยกันเยอะเกินไป เราไม่รู้จะทำอะไร แล้วเราก็อยากกลับไป ใช้ชีวิตอีกแบบบ้าง เวลาที่เขาอยู่กับเพื่อน มันมีอีกแง่มุมนึง ที่ไม่เหมือนอยู่กับเรา แล้วเวลาอยู่กับเรา ก็ไม่เหมือน มุมที่อยู่กับเพื่อน ทั้งสองมุมนั้น มันแทนกันไม่ได้ เขาจะมีเส้นแบ่งตรงนี้อยู่ และเราเอง ก็ควรมีเหมือนกัน เพราะเวลาที่อยู่กับเพื่อนคุยกับเพื่อน เราจะเป็นธรรมชาติ บางเรื่อง คุยกับเพื่อนแล้ว เข้าใจได้มากกว่า จงอย่าไปน้อยใจเลย เวลาที่เขาอยู่กับเพื่อน

๔.แต่ละคนต้องมีอิสระระหว่างกัน ต่างฝ่ายต่างก็ต้องมีเวลาส่วนตัว เพราะคนเรา มีความสนใจหลากหลาย ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ เวลาอยู่กันไปนานๆ ก็จะทำให้ชีวิตเริ่มเบื่อ เซ็ง และอึดอัด มากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องรู้จัก หาความพึงพอใจ ในชีวิตของตัวเองด้วย อย่าไปคาดหวังว่า อีกคนจะมาเติมเต็ม ส่วนที่ขาดให้กับเรา คิดแค่ว่า เรามีเขาอีกคนเป็นเพื่อน เพื่อนที่รักกัน ดูแลกันก็พอแล้ว อย่างอื่น ถ้าเราอยากได้ อยากเป็นอะไร ก็ต้องหาเอง ไม่อย่างนั้น เราก็จะคาดหวัง และอาจทำให้เราเสียใจ

๕.เริ่มต้นจากตัวเองก่อน มองเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง และยอมรับข้อบกพร่องของตัวเราเอง เราต้องรู้ว่า ตัวเองเป็นคนแบบไหน ถ้าเราเป็นหงุดหงิดง่าย บางครั้ง ถ้าเขาทำอะไรไม่เป็นไปตามที่เราคิด ก็จะทำให้หงุดหงิดใจ มานั่งนึกว่าทำไม เขาไม่ได้อย่างใจ ทำไมเขาไม่เข้าใจเรา ถ้าเราเข้าใจว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เราต้องยอมรับว่า บางครั้งเรา ก็ทำอะไรแย่ๆ ได้ เขาเอง ก็เป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน ถ้าเขาอภัยให้เราได้ แบบไม่มีเงื่อนไข เราก็ต้องอภัยให้เขาได้เหมือนกัน อย่างเช่น ถ้าเราเป็นคนขี้ระแวง บางครั้ง เราก็ไปแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์ ถ้าเรามีสติ เราจะเริ่มรู้สึกว่า เราระแวงไปเอง บางทีเรา เอาเรื่องมาปะติดปะต่อ แล้วก็คิดไปเอง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง อาจจะไม่มีอะไร แต่ความระแวงนั้น จะทำให้เกิดเหตุการ์ณร้ายๆ ตามมาได้ ความไว้ใจกับความโง่ มันอยู่ใกล้กันก็จริง แต่ก็ไม่ได้แปลว่า มันจะแยกกันไม่ออก เมื่อใดที่เราโกรธ เราต้องแลกมัน กับเวลา ที่เราจะได้อยู่ด้วยกันกับเขา อย่างมีความสุข แต่เมื่อใดที่เราให้อภัย เราจะได้คนใกล้ชิดของเรากลับมา

๖.ไม่เอาเรื่องงาน มาปนกับเรื่องส่วนตัว ไม่เอาเรื่องเครียดๆ มาโยนใส่กัน เวลาเจอกัน ก็จะเล่าแต่สิ่งดีๆ ให้เขาฟัง หรืออาจจะปรึกษาเขาว่า ควรจะทำอย่างไรดี ไม่ใช่เจอกันก็เอาแต่บ่นใส่เขา จะทำให้เขารู้สึกว่า เจอกันทีไร ก็มีแต่เรื่องเครียดๆ คุยกันเรื่องสนุกๆ จะทำให้เขาสุขใจ สบายใจ วิธีนี้ จะทำให้เขาอยากเจอเรา อยากมาหาเรา เพราะรู้ว่า อยู่กับเราแล้วมีความสุข เขาก็ไม่อยากจะไปไหน ให้คิดตลอดว่า ชีวิตมันสั้น ทำไมเรา ไม่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข

๗.รู้จักดูจังหวะ ดูสถานการณ์ ดูอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ดี อย่างเช่น ถ้าเขาทำงานมาเครียดๆ แล้วเราเอง ก็มีเรื่องเครียดอยู่ เราก็ต้องดูอารมณ์เขาด้วย อย่าเพิ่งไปคุยเรื่องเครียดๆ กับเขา ถ้าเขาร้อนมา เราก็ต้องเย็นเข้าไว้ เอาใจเขาบ้าง ดูก่อนว่าเขาหิว เหนื่อย เครียด หรือเปล่า ถ้าใช่ ทำอะไร หาอะไรที่เขาชอบ พอเขาอารมณ์ดีเราค่อยคุยกับเขา แต่ถ้าวันนั้นเขาปกติ ก็ต้องดูอารมณ์ว่า ควรจะพูด และควรจะฟังตอนไหน

๘. รู้จักให้อภัย เพราะหลังจากอยู่ด้วยกันแล้ว บางครั้งต่างฝ่ายต่างทำผิด ต่างฝ่าย ต่างก็ต้องรู้จักให้อภัยกัน อย่ามองในจุดเสีย ของเขาให้มาก พยายามมองแต่แง่ดีๆ ใช้เหตุผล ยอมรับที่เขาเป็น สัก ๗๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วเวลาที่เขาทำผิด อย่ามองว่า เป็นความผิดของเขาคนเดียว บางทีเรา ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ผลักดันให้เขา ทำผิดได้เหมือนกัน เราต้องมีเหตุผล และเขาเอง ก็ต้องดีจริงๆ เหมือนกัน เราถึงให้อภัยเขาได้ เพราะบางครั้ง ก็ต้องรู้จักยอมๆ กันบ้าง เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่ว่า จะต้องตัดสินปัญหา แบบคนละครึ่งทาง บางครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน ก็ต้องยอมๆ กันบ้าง แลกกับความสบายใจ บางครั้งเรายอม บางครั้งเขายอม จะได้ไม่มีอะไร ที่ขัดแย้งกัน

๙.เอาใจเขามาใส่ใจเรา หลายๆ เรื่องที่เกิดจากคนสองคน ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน เพื่อน ครอบครัว เราต้องมองว่า ถ้าเราทำแบบนั้น เขารู้สึกอย่างไร ถ้าเราทำอะไรไม่ดีออกไป เราก็ต้องเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงโกธรเรา ไม่ได้มองตัวเอง เป็นศูนย์กลางไปทุกเรื่อง ต้องยอมรับธรรมชาติ ของอีกฝ่าย ด้วยหัวใจบริสุทธิ์ และปล่อยวาง มองหน้าเขาอย่างมีเมตตา พยายามทำร้อน ให้กลายเป็นเย็น ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เมื่อเปิดใจยอมรับก็จะเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้ว แม้เขาจะไม่ได้ดั่งใจ ก็ให้คิดว่า เราเอง ก็คงมีเรื่อง ไม่ได้ดั่งใจเขา เช่นกัน

จงดูแลความรัก และเข้าใจ ซึ่งกันและกัน เพราะอย่างน้อย เราก็ยังโชคดี ที่มีโอกาสได้เจอกับเขาแล้ว เพราะคนบางคนนั้น ไม่มีแม้ แต่โอกาส จะได้อยู่ใกล้ๆ กับคนที่ตัวเองรัก ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว