เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง สาเหตุเกิดจากอะไร

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมี คติธรรมและข้อคิด เรื่องของ เงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ว่าสาเหตุนั้น เกิดจากอะไร มาฝากครับ



เรื่องของเงินขาดมือ หรือชักหน้าไม่ถึงหลัง เงินทองไม่พอใช้นั้น ก็เป็นปัญหาใหญ่ สำหรับหลายๆ ท่าน ที่มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่ว่าจะค่าบ้าน ค่ารถ ค่าเทอม ค่ากิน ค่าเดินทาง หรือค่าอื่นๆ อีกมากมาย เชื่อว่าหลายๆ ท่าน คงจะเคยพบเจอกับเรื่องแบบนี้ ซึ่งผมเองก็เคยพบเจอเช่นกัน คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิด ของครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์กับทุกท่าน ในการใช้ชีวิต เพราะหลายๆ ท่านในตอนนี้ ก็อาจจะเงินขาดมือ หรือชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่ เรามาดูกันครับว่า การกระทำที่ทำให้เกิดผลกรรมนี้กับเรา เกิดจากอะไร เหตุจากกรรมเก่า หรือจากกรรมใหม่ แล้วเราจะต้องแก้ไขชีวิตอย่างไรครับ

หลายๆ ท่าน ที่มีปัญหาเรื่องเงินขาดมืออยู่บ่อยๆนั้น มีความเชื่อกันว่า มาจากในอดีตชาติ ที่เราทำทานมาไม่ครบ ซึ่งหมายถึง เวลาที่เรากำลังทำทานนั้น เรายังมีจิตที่ตกอยู่ หรือยังคงเสียดายในทานที่ได้ทำไป อย่างเช่น เราตั้งใจว่า จะทำทานด้วยอาหารคาวหวานสัก ๔ อย่าง และผลไม้ ๕ อย่าง หรือตั้งใจจะทำบุญ ช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้นเท่านี้ แต่พอเอาเข้าจริง หรือเวลาเราลงมือปฏิบัติในทานนั้น เรากลับรู้สึกเสียดาย ไม่อยากทำตามที่ตั้งใจ หรือด้วยเหตุอะไรก็ตาม ทำให้เราได้ทำทาน น้อยลงไปจากที่เคยตั้งใจไว้ ซึ่งก็เหมือนไปลดปริมาณของลง ให้เหลือเพียงหนึ่งอย่าง หรือสองอย่าง เป็นต้น

และอีกสาเหตุหนึ่ง มีความเชื่อกันว่า มาจากการที่วัตถุทานนั้น ไม่บริสุทธิ์ หรือมีบาปเจือปน นั้นก็คือ ทานที่เราทำนั้น อาจจะซื้อมาด้วยเงินที่ไม่บริสุทธิ์ อย่างเช่น เป็นเงินมาจาก การเล่นการพนัน เงินมาจากการเบียดเบียนผู้อื่น หรือมาจากการทำร้าย ทำลายชีวิต เบียดเบียนผู้อื่น เป็นต้น ด้วยเหตุนี้บุญกุศล ที่เราเคยทำมา จึงมีลักษณะ แบบครึ่งๆ กลางๆ เช่น ตอนนี้มีเงิน แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง ก็มีเหตุทำให้เงินหมด หรือเงินขาดมือจนหมุนไม่ทัน และจะไปหยิบยืมใครเขาก็เป็นเรื่องยาก หรือเกิดความลำบาก ที่คนอื่นจะช่วยเหลือ และบางครั้ง ก็อาจจะโดนคนอื่น เขาต่อว่าต่อขาน หรือดูถูกเหยียดหยาม เอาด้วยซ้ำ
ซึ่งหากเราเข้าใจ ในเรื่องของกรรมเก่า และมีสติ เราก็จะไม่โกรธเคือง หรือโกรธแค้นกับคนเหล่านั้น เพราะว่า คนที่มาต่อว่าเรา หรือดูถูกเรา เหล่านี้ เขาก็คือ เจ้ากรรมนายเวร หรือเขาเคยเป็นเจ้าของวัตถุทาน ที่เราเคยไปขโมย ไปเอาของเขามา เมื่อชาติก่อนนั่นเอง



ส่วนเหตุจากกรรมใหม่ ในภพชาติปัจจุบันนั้น การที่เราหาเงินได้ แบบชักหน้าไม่ถึงหลัง หรือเงินขาดมือนั้น ก็ไม่ใช่ว่า มันจะเกิดจากกรรมเก่าเพียงอย่างเดียว เราต้องมาพิจารณาดูว่า เรานั้นทำเหตุให้ตรงกับผลหรือไม่ สิ่งที่เราทำนั้น สมบูรณ์เพียงพอ ที่จะทำให้มีเงินมีทอง ใช้อย่างไม่ขาดมือ หรือไม่ ถ้าพิจารณาดูแล้วว่า เรายังทำไม่พอ ยังไม่ถึงเหตุ เราก็ต้องเปลี่ยนกรรมของตนเสีย รีบทำให้มันสมบูรณ์พร้อมยิ่งขึ้น เช่น ถ้าหากเรา ยังเป็นคนใจเร็ว ตัดสินในเร็วบางครั้ง จนทำให้ชวดโอกาสสำคัญ หรือเสียโอกาสสำคัญไป เราก็ใช้ปัญญาตรึกตรองด็ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หรือหากเรา ไม่มีความรู้ความสามารถในการหาเงินทอง เราเองก็ต้องพยายามขวนขวาย และเรียนรู้ เพื่อเอาความรู้นั้น มาเปลี่ยนเป็นเงินเป็นทอง หรือถ้าหากเรา ยังเป็นคน ที่ใช้เงินด้วยอารมณ์ มากกว่าเหตุผล เราก็ต้องหันกลับคิดเสียใหม่ ให้ดูว่า ของที่เราจะซื้อนั้น สมควร หรือไม่ที่จะซื้อ เมื่อเราซื้อมาแล้ว มันจะทำให้เรา ต้องเงินขาดมือหรือไม่ หรือของที่เราจะซื้อนั้น รอได้อีกหรือไม่ เราต้องพิจารณาให้ดี และส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เงินขาดมือนั้น ก็มาจากการซื้อของ โดยที่เราไม่คิดเน้น ก็คือ ซื้อของโดยมุ่งประโยชน์เทียม มากกว่าประโยชน์แท้ เช่น เงินเดือนน้อยอยู่แล้ว แต่เราชอบซื้อ หรือชอบเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ รุ่นใหม่ๆ แพงๆ เป็นประจำ ที่เน้นเรื่องของฟังก์ชั่น เพื่อให้ใช้งานได้ หลากหลายอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จริงแล้ว บางครั้งเราก็ไม่ได้ใช้งานด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรม โดยหันมาประหยัด เน้นประโยชน์แท้ มากกว่าประโยชน์เทียม

การแก้ไข ปัญหาเรื่องของเงินขาดมือ ชักหน้าไม่ถึงหลังนั้น ครูบาอาจารย์ ท่านได้ให้คำแนะนำว่า เราควรจะแก้ทั้งสองทาง คือ ทั้งทางโลก และทางธรรม เพื่อให้เกิดการเสริมแรงบุญซึ่งกันและกัน ควรหมั่นทำทาน ซึ่งประกอบไปด้วยทาน ๓ อย่าง ที่ก่อให้เกิดบุญมาก อย่างสม่ำเสมอ คือ วัตถุทาน ธรรมทาน และ อภัยทาน

๑.วัตถุทาน การที่เราจะทำนั้น ก็เอาแบบ ที่ตั้งใจทำแบบไหน แค่ไหน ก็ให้ทำแบบนั้น เช่น อยากทำ ๑ บาท ก็ทำ ๑ บาท อยากทำ ๑๐๐ บาท ก็ทำ ๑๐๐ บาท อยากถวายข้าวเปล่า อยากให้ข้าวเปล่า ก็ถวาย หรือให้ข้าวเปล่า โดยไม่ต้องเสียดาย อย่าให้จิตตก ไปพะวงว่า คนที่รับทานนั้น เขาจะเอาไปทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ หรือคนทั่วไป แม้แต่ขอทานก็อย่าไปคิด เอาแบบให้เขาไปแล้ว ให้เลยขาดกัน

๒.ธรรมทาน คือ การเอาความรู้ เพื่อไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นในทางโลก และทางธรรม เช่น ไปสอนหรือไปฝึกให้เขา รู้จักปลูกผักให้ถูกต้อง ไปสอนเขาทำอาหารให้ดี ให้เก่ง เพื่อนำไปประกอบเป็นอาชีพได้ หรือไปบอกทางให้เขา ได้เดินชีวิตให้ถูกต้อง ให้กำลังใจคนอื่นเขาให้ต่อสู้กับชีวิต หรือไปร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ หนังสือให้ความรู้ต่างๆ หรือแม้แต่เรา ไม่มีเงินสักบาทเดียว ก็เป็นผู้นำบุญ ไปบอก ไปเชิญชวนคนอื่น ให้คนอื่นมาร่วม หรือช่วยเหลือสังคม หรือชวนคนมาทำบุญ ก็ถือว่า เป็นธรรมทานทั้งสิ้น

๓.อภัยทาน การอภัยทานนั้น ถือว่าเป็นการทำบุญที่ใหญ่มาก การทำนั้น ทำได้ง่ายด้วยตัวเอง และไม่ต้องเสียเงินเสียทอง แต่การอภัยทาน แม้ว่ารูปแบบจะทำได้ง่าย แต่ว่า หลายๆท่าน กลับทำได้ยากที่สุด ในทานทั้งหมด เพราะว่าโดยนิสัยของคนเราแล้ว ย่อมมีความโกรธเคือง มีความอาฆาตพยาบาท อยู่ในกมลสันดานอยู่แล้ว ซึ่งเรา ต้องหมั่นฝึกฝนอย่างมาก และต้องทำเป็นประจำ การให้อภัยนั้น เราควรเริ่มจาก การตั้งจิตให้สงบเสียก่อน คือ ให้ละจากอารมณ์โกรธ เคียดแค้น ให้ได้ก่อน แม้ว่าความขัดเคืองในใจ ยังคงมีอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องทำให้จิตสงบนิ่งให้ได้ จากนั้น ให้อโหสิกรรม ต่อเจ้ากรรมนายเวร เพื่อไม่ให้มีเวรกรรมติดค้างกันต่อไปอีก และต้องให้อภัย ต่อคนรอบข้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เป็น พ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน ญาติมิตร คนร่วมงานกัน คู่ค้า ลูกค้า สัตว์เลี้ยง หรือสรรพสัตว์ต่างๆ เป็นต้น ก็หมั่นให้อภัยทานบ่อยๆ จะทำให้จิตเรามีกำลังมาก คิดทำอะไร ก็จะสำเร็จโดยง่าย ไม่มีกรรมมาเหนี่ยวมาขวางเอาไว้ และที่สำคัญ เราต้องให้อภัยทั้งหมด ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ และพยายามให้คนรอบข้าง ที่มีส่วนในชีวิตของเรา ให้อโหสิกรรมต่อกันและกัน

เคล็ดลับสำคัญ เมื่อเราทำทานครั้งใด เสร็จสิ้นแล้ว ก็ให้อุทิศบุญ ไปให้เจ้ากรรมนายเวรเขาทันที ถ้าพูดด้วยภาษาง่ายๆ คือ เพื่อให้เขา มารับบุญกุศลนี้ ถ้าเขาพอใจแล้ว ยินดีในบุญแล้ว ขอให้เขาอโหสิกรรมให้ ถอนตัว ไปจากการขัดขวางในเรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องการใช้ชีวิต หมั่นอุทิศบุญให้กับเทวดาประจำตัว ดวงวิญญาณที่ดูแลคุ้มครองเรา ซึ่งท่านเหล่านี้ มีความเชื่อว่า มาจากคนที่รักเรา เมตตาเราอย่างจริงใจ และมีกรรมดีผูกพันกันมา อาจจะเป็นบรรพบุรุษในอดีตชาติ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย พี่น้อง ลูกหลาน ญาติหรือเพื่อนสนิท ครูบาอาจารย์ที่ตายไปแล้ว และอยู่ในภพภูมิอื่น หมั่นอุทิศบุญส่งไปให้ท่าน เพื่อให้ท่านมีบุญเพิ่มขึ้น และสายใยแห่งบุญที่เหนียวแน่นมั่นคง ท่านจะรัก และเมตตาเรา จะได้ช่วยดลใจให้เรา พบช่องทางการหาเงิน ที่ถูกต้องถูกธรรม ช่วยดลใจให้เราพบคนดี ที่จะช่วยเหลือ และให้โอกาสเรา ดลใจให้เราพบโชคลาภ ที่ถึงเวลาจะได้ ส่งผลให้เรามีเงินมีทอง ไม่ขาดมือ และที่สำคัญอย่างมาก นอกจาก การสร้างทานใหญ่ด้วย วัตถุทาน ธรรมทาน และอภัยทาน ในทุกๆ วันอย่างสม่ำเสมอแล้ว เราก็ควรหมั่นสร้างความดีให้มากๆ ขยันหมั่นเพียร หนักเอาเบาสู้ ไม่งอมืองอเท้า ไม่ขี้เกียจ หมั่นสร้างกำลังใจ และให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ พร้อมกับเปลี่ยนกรรมใหม่ ให้ตรงกับผลที่อยากได้ คือ อยากมีเงินมีทอง ไว้ใช้จ่ายอย่างไม่ขาดมือ ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว