วันอัฏฐมีบูชา วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า

สวัสดีครับคุณผู้ชม เนื่องในวันอัฏฐมีบูชา ซึ่งเป็นวัน ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คลิบนี้ผมจึงเอาประวัติความเป็นมา และความสำคัญ มาให้ทุกท่านได้รับชม เผื่อว่าหลายๆ ท่าน อาจจะเริ่มลืมเลือนไปแล้ว หรือหลายๆ ท่าน อาจจะไม่รู้ว่า วันอัฏฐมีบูชานั้น คือวันอะไร และมีความสำคัญว่าอย่างไรบ้างครับ



วันอัฏฐมีบูชา หรือ วันอัฏฐมี คือ วันคล้าย วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า หลังจากเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานได้ ๘ วัน โดยมีการทำพิธี ณ มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ประเทศอินเดีย ซึ่งเมื่อครั้งโบราณกาล วันอัฏฐมีบูชา นับเป็นวันที่ชาวพุทธ มีความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากต้องสูญเสีย พระบรมสรีระ แห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูง ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันอัฏฐมีบูชา เวียนมาบรรจบในแต่ละปี พุทธศาสนิกชน จึงพร้อมใจกัน ประกอบพิธีบูชาขึ้น เป็นการเฉพาะในวันสำคัญนี้ เพื่อระลึกถึงพระพุทธคุณ

วันอัฏฐมีบูชา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ที่นับจากวันวิสาขบูชา ไปเพียง ๘ วัน หรือ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ แต่หากปีใดมีอธิกมาส วันอัฏฐมีบูชา ก็จะถูกเลื่อน ไปตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ แทนครับ



ตามประวัติ วันอัฏฐมีบูชา ระบุไว้ว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ใต้ต้นสาละ ในราตรี ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ ก็จัดพิธีบูชา ด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิด ที่มีอยู่ในเมืองกุสินาราตลอด ๗ วัน และให้เจ้ามัลละ ระดับหัวหน้า ๘ คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระ ไปทางทิศตะวันออก ของพระนคร เพื่อถวายพระเพลิง
จากนั้น ก็ให้พวกเจ้ามัลละ ระดับหัวหน้า ๔ คน พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจทำให้ไฟติดได้ ทั้งที่ได้ทำ ตามคำของพระอานนท์เถระ ที่ให้ห่อพระสรีระของพระพุทธเจ้า ด้วยผ้าใหม่ แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีกครั้ง ทำเช่นนี้จนหมดผ้า ๕๐๐ คู่ แล้วเชิญ ลงในรางเหล็ก ที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธาน ด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด ในการนี้ พระอนุรุทธะ จึงแจ้งว่า "เพราะเทวดา มีความประสงค์ ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ ๕๐๐ รูป ผู้กำลังเดินทางมา เพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้" ทั้งนี้ เนื่องจากเทวดาเหล่านั้น เคยเป็นโยมอุปัฏฐาก ของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่มาก่อน จึงไม่ยินดี ที่ไม่เห็นพระมหากัสสปะ อยู่ในพิธี และเมื่อภิกษุหมู่ ๕๐๐ รูป โดยมีพระมหากัสสปะ เป็นประธานเดินทางมาพร้อมกัน ณ ที่ถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกโชนขึ้นเอง โดยไม่ต้องมีใครจุด

หลังจากที่พระเพลิงเผาไหม้ พระพุทธสรีระ พระบรมศาสดา ดับมอดลงแล้ว บรรดากษัตริย์มัลละทั้งหลาย จึงได้อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทอง แล้วนำไปรักษาไว้ ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่างๆ ของพระพุทธเจ้า ได้มีการอัญเชิญ ไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐาน ที่แคว้นคันธาระ บาตร อัญเชิญ ไปประดิษฐาน ที่เมืองปาฏลีบุตร เป็นต้น และเมื่อบรรดากษัตริย์ จากแคว้นต่างๆ ได้ทราบว่า พระพุทธเจ้า ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ที่นครกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทน ไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อนำกลับมาสักการะ ยังแคว้นของตน แต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงทำให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้ง และเตรียมทำสงครามกัน แต่ในสุด เหตุการณ์ก็มิได้บานปลาย เนื่องจาก "โทณพราหมณ์" พราหมณ์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้เข้ามาเป็นตัวกลาง เจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อยุติความขัดแย้ง โดยประกาศว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา ทรงสรรเสริญขันติ สรรเสริญสามัคคีธรรม การที่เราจะมา ประหัตประหาร เพราะแย่งชิง พระบรมสารีริกธาตุ ของพระองค์ผู้ประเสริฐ ย่อมไม่สมควร ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลาย จงยินดีในการที่จะแบ่งกัน ไปเป็น ๘ ส่วน และนำไปบูชา ยังบ้านเมืองของท่าน ทั้งหลายเถิด เพราะผู้ศรัทธา ในพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น มีมาก"

เมื่อโทณพราหมณ์ ได้เสนอให้แบ่ง พระบรมสารีริกธาตุ ออกเป็น ๘ ส่วนเท่าๆ กัน กษัตริย์แต่ละเมือง ก็ยอมรับแต่โดยดี และกลับไปสร้างเจดีย์ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตามเมืองของตัวเอง ดังนี้

๑. กษัตริย์ลิจฉวี ทรงสร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองเวสาลี
๒. กษัตริย์ศากยะ ทรงสร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองกบิลพัสดุ์
๓. กษัตริย์ถูลิยะ ทรงสร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองอัลลกัปปะ
๔. กษัตริย์โกลิยะ ทรงสร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองรามคาม
๕. มหาพราหมณ์ สร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองเวฏฐทีปกะ
๖. กษัตริย์มัลละ แห่งเมืองปาวา ทรงสร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองปาวา
๗. พระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองราชคฤห์
๘. มัลลกษัตริย์ แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดีย์ บรรจุไว้ ที่เมืองกุสินารา
๙. กษัตริย์เมืองโมริยะ ทรงสร้างสถูป บรรจุพระอังคาร (อังคารสถูป) ที่เมืองปิปผลิวัน
๑๐. โทณพราหมณ์ สร้างสถูป บรรจุทะนานตวง พระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, คำว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถูป)

ปัจจุบันนั้น การประกอบพิธี วันอัฏฐมีบูชา ในวัดก็จะมี การทำพิธีบำเพ็ญกุศล โดยการบำเพ็ญกุศล ในวันอัฏฐมีบูชานั้น ก็จะปฏิบัติอย่างเดียวกันกับ การประกอบพิธี ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เหมือนกับวันอื่นๆ ที่มีการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และมีการเวียนเทียนในตอนค่ำ และในบางวัด หรือบางจังหวัด ในวันอัฏฐมีบูชานี้ ก็จะมีการจัดงานใหญ่ มีการจำลองเหตุการณ์ วันถวายพระเพลิงพุทธสรีระ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ เมื่อครั้งพุทธกาลอีกด้วย ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ (สัมมาสมาธิ)