สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ได้อานิสงส์อย่างไร

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด เรื่องของการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ว่าได้อานิสงส์อย่างไร มาฝาก ครับ



หลายๆ ท่าน คงจะมีคำถามในใจ หรือมีข้อสงสัยว่า การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ นั้น ได้อานิสงส์อย่างไร หากเราถามคนอื่น มักจะได้คำตอบว่า มันดี ทำให้ชีวิตดี หรือทำให้ชีวิตมีสิริมงคล มีพระคุณเจ้าคุ้มครอง หรือ มีเหตุผลอีกหลายประการ ซึ่งฟังแล้วไม่เป็นรูปธรรม จับต้องไม่ได้ สรุปก็คือ เข้าใจยากนั่นเอง คลิบนี้ ผมจึงเอาคติธรรมและข้อคิดของครูบาอาจารย์ เกี่ยวกับอานิสงส์ ของการสวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิ มาให้รับชม ซึ่งเป็นเพียงประโยชน์เบื้องต้นเท่านั้น เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน เพราะการสวดมนต์ นอกจากจะสวดได้แบบปากเปล่า หรือจะดูหนังสือสวด หรือจะดูตามสื่อต่างๆ ก็ตาม ความสำคัญนั้น การสวดมนต์จะต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความตั้งใจจริง มีสมาธิที่ดี นำจิตไปจับที่ตัวอักษร จับที่เสียง ที่จะสวดออกมาอย่างจดจ่อ เปล่งเสียงให้ดัง และฟังชัดเจน โดยครูบาอาจารย์ท่านได้เมตตา อธิบายถึง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิ ไว้ดังต่อไปนี้ ครับ



๑.อานิสงส์ ที่เกิดกับสุขภาพร่างกาย ผู้ที่สวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิ อย่างสม่ำเสมอนั้น จะก่อให้เกิดผลดีต่อจิตใจ จะมีความผ่องแผ้วสว่างบริสุทธิ์ จิตที่สว่าง จะทำให้อารมณ์ผ่องใส ไม่โกรธง่าย ไม่เครียด เวลาใช้ความคิด ก็จะคิดแบบมีเหตุมีผล การที่จิตผ่องแผ้ว ถือเป็นโอสถทิพย์ ที่สำคัญต่อร่างกาย ส่งผลให้ร่างกาย สร้างและหลั่งฮอร์โมนเป็นปกติ ทำให้ร่างกายสมดุล เมื่อร่างกายสมดุลแล้ว บุคคลนั้นก็จะมีอายุยืน คนที่มีอารมณ์ดี ไม่เครียด จะอายุยืนยาว เช่น พระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นสรณะจะอายุยืน บางองค์เกินร้อยปีก็มี หรือคนโบราณ ที่ชอบสวดมนต์ ไหว้พระเป็นประจำ ก็จะมีอายุยืนยาวมาก เพราะการมีจิตที่ผ่องใส เสมือนมียาอายุวัฒนะขนานเอก ไว้ในตัวเอง ลักษณะนี้ ครูบาอาจารย์ท่านให้เรียกว่า “การนำปัจจัยภายในมาสร้างอายุวัฒนะ” ครับ

๒. อานิสงส์ ทำให้เกิดจิตที่แกร่ง หลังการสวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิ จะทำให้จิตมีกำลัง เป็นการบำรุงจิต จิตที่มีกำลังจะเข้มแข็ง ไม่อ่อนไหวง่าย สติดี หนักแน่น การมีจิตเป็นสมาธิ สติจะคงอยู่เสมอ จะก่อให้เกิดปัญญาตามมา ซึ่งปัญญา หมายถึง ระบบการคิด ที่มีสติคอยกำกับ การคิด จึงอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผล ไม่มีอารมณ์เข้ามาเจือปน ส่วนความคิดที่ขาดสติ เราเรียกว่า “อารมณ์” บางคนที่ไม่นิยมนั่งสมาธิ ส่งผลให้สติไม่มั่นคง โกรธง่าย โมโหร้าย ขี้หงุดหงิด ไม่อดทนต่อแรงกดดันทั้งปวง มีอารมณ์แปรปรวน ไม่สม่ำเสมอ เหตุเพราะจิตอ่อนกำลัง เราจึงพบว่า สถิติของการฆ่าตัวตายในสมัยนี้ จึงมีอัตราที่สูงขึ้น อาหารเป็นสิ่งที่ มีความสำคัญกับชีวิตฉันใด สมาธิก็เป็นอาหาร ที่สำคัญของจิต ฉันนั้น ครับ

๓. ได้อานิสงส์ จากการได้โปรดดวงจิตวิญญาณ ผู้ที่สวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิ ถึงขั้นเป็นผู้มีจิตใสสว่างนั้น เป็นที่โปรดปราน ของพวกวิญญาณเร่ร่อนยิ่งนัก เพื่อปรารถนาจะขอส่วนบุญ ส่วนกุศล ให้ตนได้ร่มเย็น หรือพ้นทุกข์ หรือแม้กระทั่ง หลุดพ้นจากการถูกจองจำ ยิ่งผู้สวด มีสมาธิจิตที่ดีแล้ว พลังแห่งเมตตา พลังแห่งอานุภาพ ก็จะแผ่กระจายปกคลุมไปไกล ด้วยอานุภาพของพลังจิตผู้สวดเอง เมื่อเสียงสวด และอักขระไปกระทบ หรือสัมผัสกับดวงจิตวิญญาณใด พลังเมตตา และพลานุภาพ แห่งมนตรานี้ ก็จะกระตุ้นให้ดวงจิตวิญญาณ เกิดความระลึกได้ เมื่อระลึกได้ ก็จะสามารถดูดซับพลังบารมีทั้งปวง จากบทสวดอย่างเต็มที่ ดวงจิตที่มืดบอด ก็จะสว่างผ่องใสขึ้น และหลุดพ้น จากบ่วงพันธนาการในที่สุด เมื่อสำนึกได้ ก็จะสามารถเปิดรับธรรมะได้ทันที การสำนึกได้ เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ดังที่คนโบราณ ได้สั่งสอนบอกต่อกันมาว่า ก่อนตายให้นึกถึงพระ ซึ่งความหมาย ก็คือ ให้เกิดรู้สำนึกนั่นเอง ถึงแม้คนเรา จะสำนึกได้ในวินาทีสุดท้าย ขณะใกล้ตาย ก็ถือว่า มีโอกาสที่จะรับรู้สัมผัสธรรมได้ คือ จิตเปิด มีโอกาสหลุดพ้นจากการจำกัดบริเวณได้ การที่เรา ทำให้วิญญาณตกทุกข์ได้ยาก ทุกข์ทรมาน ได้รับความสุข สว่างสดใส หรือ กระทั่งหลุดพ้นไปได้ นับว่า ได้อานิสงส์มากมายมหาศาล ยิ่งหากเราหมั่นสวดมนต์ แผ่เมตตา ภาวนาสมาธิให้เขา ก็จะได้อานิสงส์อย่างมาก การทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิบ่อยๆ เสมือนเราอยู่ในที่สูง อานิสงส์ที่เราสร้าง บุญกุศลที่เราทำ เปรียบเสมือนเราเทน้ำให้ไหลลงสู่เบื้องล่าง ผู้อยู่เบื้องล่างที่หิวกระหาย ก็จะรอรับอย่างชุ่มเย็น มีความปีติยินดี ครับ

๔. ได้อานิสงส์ จากโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย นอกจากดวงจิตวิญญาณแล้ว ก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ปรารถนาจะได้รับพลังเมตตาบารมี จากการสวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิเช่นกัน ซึ่งก็คือ พวกสัตว์เล็ก สัตว์น้อย และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พลังแห่งการแผ่เมตตาบารมีนี้ มีอานุภาพยิ่งใหญ่ เป็นพลังแห่งพุทธานุภาพ เป็นพลังฝ่ายบุญกุศล การสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ และแผ่เมตตาบ่อยๆ จะทำให้จิตมีความแข็งแกร่ง พลังแห่งการแผ่เมตตา ก็จะมีอานุภาพที่แรง ครอบคลุมพื้นที่ ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น สรรพสัตว์จำนวนมาก ล้วนต้องการ และแสวงหาพลานุภาพ แห่งเมตตา อย่างหิวโหย เช่นผู้ปฏิบัติธรรมบางคน พบว่ามีมดขึ้นมาเกาะบนกลด ขณะที่ท่าน กำลังที่ภาวนาอยู่จำนวนมาก หรือมียุงมากัด จำนวนมากขณะนั่งสมาธิ แต่เมื่อท่านกล่าวแผ่เมตตาให้แล้ว พวกเขาเหล่านั้น ก็จะจากไปของเขาเอง ไม่ทำร้าย ไม่รบกวนเราอีก เหตุเพราะพวกเขา ได้รับแล้วนั่นเอง เมื่อเราทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ได้ทุกข์ หลุดพ้นจากทุกข์ ช่วยให้สรรพสัตว์ที่ได้สุข ให้ได้สุขยิ่งขึ้นไป เราก็ได้อานิสงส์ แห่งการนี้ตอบคืน อานิสงส์เช่นนี้ เป็นอานิสงส์ที่ก่อให้เกิดบารมีที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก เราเรียกว่า “ อานิสงส์ทางทิพย์” ครับ

๕. ได้อานิสงส์จากพรเทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกครั้งที่เราสวดมนต์ หลังจากสวดบทบูชาพระรัตนตรัยแล้ว เราก็มักจะ สวดบทชุมนุมอัญเชิญเทวดาเสมอ (สักเคฯ) เป็นการบอกกล่าวอัญเชิญเทวดา ให้มาร่วมพิธีการสวดมนต์ เทวดาเทพ เทพารักษ์ทั้งหลาย โปรดการฟังสวดมนต์อย่างมาก เพราะถือเป็นพิธีกรรมแห่งพุทธ ที่มีมนต์ขลังมีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะบทสวดทุกบทเป็นอักขระ มีพลังพุทธานุภาพสูง ใครได้ยิน ได้ฟัง ได้ซึมซับ ก็จะเกิดความสว่างไสว เกิดพลังบารมี มนุษย์ที่สวดมนต์ไหว้พระประจำเทวดา จึงเป็นที่โปรดปรานของเทวดา ไปที่ไหนมีเทวดาปกป้องคุ้มครอง ให้โชคให้ลาภ ให้ความมั่งมีสีสุข คนโบราณจึงย้ำหนักหนา ให้ลูกหลานสวดมนต์ก่อนนอน เทวดา ก็ต้องการสร้างบารมีของตนให้สูงยิ่งขึ้นไปเช่นกัน เมื่อเราสวดมนต์ ไหว้พระ แผ่เมตตา ทำให้เทวดาได้บารมีเพิ่ม ได้ความสว่างเพิ่ม เทวดา ก็จะอำนวยอวยพรชัยมงคลให้กับเรา เป็นการตอบแทนคุณเรา หากเราสังเกตให้ดี เราก็จะพบว่า ทุกพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน จะต้องเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับเทวดาเสมอ ก่อนเริ่มพิธีกรรม จึงต้องมีการสวดบวงสรวงอัญเชิญทวยเทพเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาร่วมพิธีก่อนเสมอ พุทธองค์ทรงสำเร็จมรรคผล ด้วยทวยเทพ เทวดาช่วยเหลือ ชี้แนะ ในทางกลับกัน เทวดา ก็พึ่งพาธรรมจากพุทธองค์ หรือพุทธสาวก เพื่อสร้างบารมี ชี้ทางสว่าง เสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า องค์ทวยเทพเทวา กับพุทธศาสนา จึงแยกกันไม่ออก เป็นของคู่กัน ครับ

๖. สามารถแผ่เมตตาช่วยคนเจ็บป่วยได้ อานิสงส์การแผ่เมตตานั้น นอกจากสรรพสัตว์ และดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว มนุษย์ทั่วไป ที่นอนเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมาน ก็สามารถรับอานิสงส์ของการแผ่เมตตาได้ โดยให้เรากล่าวว่า “อานิสงส์ของการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ของข้าพเจ้าในวันนี้ ขอส่งให้ (เอ่ยชื่อ นามสกุล ผู้ป่วย) เพียงเท่านี้ ก็จะก่อให้เกิดผลดีต่อผู้ป่วยอย่างมหาศาล โดยเฉพาะผู้แผ่เมตตา เป็นผู้มีบุญบารมีอย่างมาก คนเราเมื่อจิตดี ก็มีความสุข แต่ก็ต้องทำความเข้าใจ หลักของเวรกรรมแต่ ละคนด้วย ผู้ป่วยบางราย อาจจะอยู่ในภาวะชดใช้กรรมของเขาเอง และอีกประการหนึ่งจิตของผู้ป่วยต้องเปิดด้วย ถ้าจิตปิดก็รับไม่ได้ แต่หากผู้ป่วยเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว ก็จะยิ่งเกิดผลเร็วขึ้น ยิ่งผู้ป่วยเป็นสายเลือดสายโลหิต ระหว่างผู้แผ่อานิสงส์และผู้ป่วย การส่งอานิสงส์บุญกุศล จะยิ่งรวดเร็วขึ้น เกิดอานุภาพแรงขึ้น ครับ

เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เรื่องอานิสงส์ของการ สวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิ คงพอที่จะทำให้ทุกท่านเข้าใจ เรื่องของอานิสงส์ และประโยชน์ที่จะรับ จากการสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ตลอดจนการแผ่เมตตา แต่อย่างไรก็ดี นี่ก็เป็นเพียงประโยชน์เบื้องต้นเท่านั้น ความจริงแล้ว มีอานิสงส์ที่จะได้รับทางอ้อม ทางลึก อีกมากมายกว่านี้ แต่ก็เป็น “ปัจจัตตัง” ของแต่ละคน ถ้าจะให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ท่านต้องปฏิบัติเอง ธรรมะคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีเครื่องมือชนิดใด ที่สามารถมาวัดประสิทธิภาพ วัดความจริงได้ ต้องวัดผลด้วยการปฏิบัติเองเท่านั้น อย่างที่ครูบาอาจารย์ ท่านกล่าวว่า สิบปากว่า สิบตาเห็น ไม่เท่าเราลงมือทำเอง ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว