รู้จักปล่อยวาง ให้จิตอยู่กลางๆ ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด เรื่องของการรู้จักปล่อยวาง เพื่อให้จิตอยู่กลางๆ ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขมาฝาก ครับ



เมื่อเวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา ทั้งดีและไม่ดีนั้น เราควรจะมีความคิดแบบไหน เพื่อที่เราจะได้พ้นทุกข์ และนำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มาเป็นครูสอน เพื่อยกระดับจิตของเราเองให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก คลิบนี้ผมจึงเอาคติธรรม คำสอนของครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นข้อคิด ให้กับทุกท่าน ในการรู้จักปล่อยวางกับชีวิต เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้น กับชีวิตของเรา ไม่ว่ามันจะเกิดสิ่งที่ดี หรือว่าเกิดสิ่งที่ไม่ดีก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่ มีสิ่งที่ดี ที่ซ่อนอยู่ในนั้น และมีสิ่งที่ไม่ดี ที่ซ่อนอยู่ในนั้นด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรา เลือกที่จะมองในแง่มุมไหน ครับ



บางครั้ง เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เราก็แอบดีใจแอบปลื้มใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในสิ่งที่ดีนั้น มันก็อาจจะซ่อนอะไร ที่ไม่ดีอยู่ในนั้นก็เป็นได้ เพียงแต่ว่าเรา เลือกที่จะมอง ไปในแง่ที่ดี ในมุมที่ดี เราจึงเห็นว่ามันดี แต่ในบางครั้ง สิ่งที่ไม่ดี ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา เราอาจจะรู้สึกแย่กับมันมาก จนเป็นทุกข์อย่างมาก ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับเราเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราเลือกที่จะมอง ในแง่มุมที่ไม่ดี ของมันเองต่างหาก จึงทำให้เราเป็นทุกข์ ทำให้เราเศร้าหมอง ทำให้เรามอง ไม่เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้น สรุปแล้วก็คือ ขึ้นอยู่กับแง่มุมของเรา ที่จะมองให้มันขึ้น หรือให้มันลง ให้มันเป็นบวก หรือให้มันเป็นลบ ก็ขึ้นอยู่กับ ตัวของเราเองทั้งสิ้น หากว่าเราเปลี่ยนแง่มุม ในความคิดของชีวิตเรา ให้อยู่ในระดับกลางๆ ตามเหตุ และปัจจัยของมัน เราก็จะไม่เป็นทุกข์ ครับ

สิ่งที่ไม่ดี ที่มันเกิดขึ้นกับเรานั้น เราสามารถที่จะนำมาเป็นผู้ช่วย คือช่วยหนุนนำจิตของเรา ให้เป็นภูมิคุ้มกัน เป็นแรงต้านทาน ให้แก่จิตของเรา ให้เรารู้จักความทุกข์ ให้เรารู้จักกับสิ่งนั้น เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน จนเรานั้นเก่งขึ้น เก่งมากพอ ที่จะไม่ป่วยเพราะมันอีก หากเราทำเช่นนี้ ด้วยความมีสติ ไม่ว่าจะมีสิ่งไม่ดี เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรา จะมาจากบุคคลอื่น หรือมาจากปัญหาต่างๆ ก็ตาม ทั้งปัญหาของทรัพย์สิน ข้าวของ หรือจะมาจาก ทางใดทางหนึ่งก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมมีประโยชน์แก่เรา และสามารถ ทำให้เรารู้ได้หลายอย่าง รู้จักวิธีแก้ไข เมื่อแก้ไขแล้ว รู้จักวิธีปล่อยวาง เมื่อปล่อยวางแล้ว เราเรียนรู้ศึกษามัน มันมีปัญหาเพราะอะไร ผิดพลาดไปเพราะอะไร เมื่อเราตรวจ และดูเหตุผล ของมันจนถี่ถ้วน ดูสิ่งที่มันมีประโยชน์ ที่ซ่อน ที่ซ้อน อยู่ในปัญหานั้น เราก็จะได้ประโยชน์จากมัน และไม่เป็นทุกข์เพราะมันอีก และเช่นเดียวกัน หากว่ามีสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เราเองก็ควรเตรียมใจเอาไว้ ไม่ควรดีใจจนเกินความพอดี เพราะสิ่งที่ดี ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น มันอาจจะพลิก ไปในทางที่ไม่ดีก็ได้ สิ่งที่ดี ที่เกิดขึ้นกับเรา ก็อาจจะสร้างความทุกข์ และความเดือดร้อนมาให้เรา ในภายหลังก็ได้ ฉะนั้น เราก็จงมอง ให้เห็นสิ่งเหล่านั้น เป็นธรรมดา เป็นปกติ จงเอาใจของเรา เอาจิตของเราตั้งมั่นไว้ ให้อยู่ในทางสายกลาง อยู่ในความกลางๆ พอดีๆ ไม่เอียงไปในทางทุกข์ หรือทางสุข ไม่ว่ามันจะมาแบบลบ เราก็บวกให้มัน ให้มันขึ้นมาอยู่กลางๆ พอดีๆ เพื่อเราจะได้ไม่เป็นทุกข์ ไม่ว่ามันจะมาแบบบวก เราก็ต้องดึงมา เพื่อให้มันอยู่กลางๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ถ้าหากเราทำได้เช่นนี้ ก็จะทำให้เราไม่มีความทุกข์อะไร เพราะทุกข์ เราก็ไม่ทุกข์ สุขเราก็ไม่หวัง ความสุข และความทุกข์นั้น อยู่ด้านข้างเรา อยู่ท่ามกลาง การเดินทางสายกลาง ในชีวิตของเรา การดำรงชีวิตไป ก็จะไม่สุข ไม่ทุกข์อะไร เพราะว่าเรานั้น เป็นผู้ที่อยู่อย่างมีสติ อยู่อย่างระลึกรู้ ถึงเหตุต่างๆ ทั้งหลาย อยู่ตลอดเวลา ครับ

บางคนนั้น เขาอาจจะไม่มีแฟน หรือเขาถูกแฟนทิ้งไป เขาก็เป็นทุกข์ และคิดว่า ถ้าเขาไม่ถูกแฟนทิ้งก็คงจะดี คงจะไม่เป็นทุกข์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถึงจะอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นทุกข์อยู่ดี ถึงจะมีแฟนอยู่ มันก็เป็นทุกข์อยู่ดี ซึ่งมันเป็นความคิด ของเขาเองต่างหาก ที่มองไปในแง่ลบ มันก็เลยทำให้เขานั้นเป็นทุกข์ บางคนมีแฟนขึ้นมา ก็รู้สึกดีใจและเป็นสุข ซึ่งเขาเป็นสุข กับสิ่งที่มีอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความสุขเหล่านั้น ก็จะจางหายไป และมีความทุกข์แทรกเข้ามาแทน เพราะความสุข และความทุกข์นั้น มันจะค่อยๆ ก่อเกิดขึ้น และมันจะขึ้นๆ ลงๆ อยู่เช่นนี้ สิ่งทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นอยู่รอบๆ ตัวเรา ขึ้นอยู่กับว่าเรานั้น จะเลือกมอง ให้มันเป็นบวก หรือเป็นลบ ครับ

บางคนนั้น ยังไม่เคยมีรถ ก็เลยรู้สึกว่า เป็นทุกข์อย่างมาก ที่ไม่มีรถขับ และก็อยากจะมีรถไว้สักคันหนึ่ง เพื่อเอาไว้ใช้งาน จะได้เหมือนเพื่อน จะได้เข้ากับสังคมได้ จะได้เอาไปรับแฟน ฐานะจะได้ดูดีขึ้นมา จะได้ไม่โดนผู้อื่นดูถูกอีก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะมี หรือไม่มี ความทุกข์ มันก็ยังคงอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะ แค่ความคิดของเขา ที่คิดว่า เมื่อมีรถขับแล้ว คงจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แล้วสุดท้ายก็เป็นทุกข์ ในสิ่งที่ไม่มี แต่เมื่อเขาได้รถมาสักคันหนึ่ง ก็รู้สึกดีอกดีใจอย่างมาก ที่ได้รถคันนั้นมา ดูเหมือนว่าจะมีความสุข แต่ในความเป็นจริงแล้ว ที่ได้รถมา ก็ได้มาจากการหยิบยืมเงิน ของผู้อื่นมาบ้าง ได้มาจาก ไปกู้ยืมเงินเขา เพื่อมาซื้อรถบ้าง ไปดาวน์มา เพื่อที่จะผ่อนบ้าง หรือได้มาด้วยวิธีต่างๆ แต่พอได้รถมาแล้ว ก็เป็นสุขอย่างมากที่ได้รถมาขับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความทุกข์ ที่ซ่อนอยู่ในความสุขนั้น มีเยอะแยะมากมาย แต่เขาเลือก ที่จะมองไปในมุมบวก เขาก็เลยรู้สึกว่า มันมีความสุขเท่านั้นเอง ครับ

ความคิด ของเรานั่นเอง ที่จะทำให้เรามีสุข หรือทำให้เรามีทุกข์ ทำให้เรามีพลัง หรือว่าหมดพลัง ทำให้เราเกิดประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ สิ่งทั้งหลาย ที่มันเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราทุกวัน เราจะหมดพลังเพราะมัน เพราะเรามองในแง่ลบ หรือเราจะมีพลังเพราะมัน เพราะว่าเรามองในแง่บวก หากว่าเรานั้น มีความปรารถนา ที่จะนำจิตแห่งตนให้พ้นทุกข์ ก็จงหมั่น มองดูสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราในแง่บวก เพื่อให้ชีวิตของเรานั้น จะได้เข้าถึง เข้าสู่ความพ้นทุกข์ เพราะสิ่งทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา เรามีสิทธิ์ที่จะเลือก ให้มันเป็นแบบไหนก็ได้ หากว่าเรา เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ไม่เอาสิ่งภายนอกมาเป็นที่ตั้ง ใช้จิตใจของเรา เป็นตัวกำหนดสิ่งเหล่านั้น อย่าให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น มาเป็นตัวกำหนดเรา เราก็จะชนะสิ่งเหล่านั้น ด้วยความดี ด้วยจิตที่ตั้งมั่น ด้วยการมองในแง่บวก ด้วยความสุข ด้วยชัยชนะอย่างแท้จริง คือ ความพ้นทุกข์ ครับ

สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ เป็นสิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมา สมมุติว่าเป็นเช่นนั้น หรือเป็นเช่นนี้ เหมือนน้ำที่โดนความเย็น จนแข็งตัว เมื่อความร้อนผ่านเข้ามา น้ำนั้นก็จะละลาย และก็หายไปกับพื้นดิน คืนสู่ธรรมชาติ สรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่มีอยู่จริง จงถอดถอนความยึดติด และลุ่มหลง ในตัวตนในบุคคลอื่น ในสิ่งของ ในข้าวของ เลือกที่จะมองสิ่งทั้งหลาย เป็นธรรมดา และจงระลึกรู้ว่า สิ่งทั้งหลายนั้นไม่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ข้าวของ สิ่งของ หรือความรู้สึก ความทุกข์ ความสุข ให้จงว่าง ว่างที่จิตแห่งตน เพื่อให้พ้นทุกข์ ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

ประโยชน์ของการเจริญสมาธิ (สัมมาสมาธิ)