ความสุข เกิดจากอะไร และเป็นสุขแบบไหนบ้าง
สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมีคติธรรมและข้อคิด
เรื่องของความสุข ว่าเกิดจากอะไร และเป็นสุขแบบไหนบ้าง
มาฝาก ครับ
หลายๆ ท่าน คงจะมีความสงสัยว่า ความสุขของคนเรานั้น จะเกิดขึ้นมาจากไหนได้บ้าง และเป็นความสุขแบบไหนบ้าง คลิบนี้ ผมจึงเอาคติธรรม และข้อคิดจากครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน ในการใช้ชีวิต เพราะ ความสุขของมนุษย์เรา ความสุขของดวงจิตต่างๆ ที่ยังคงเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในวัฏสงสารนี้ ก็หาได้ไม่ยาก ความสุขก่อเกิดขึ้น ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ ได้พบกับสิ่งที่ถูกใจ เพียงได้ประสบกับสิ่งที่สมหวัง เพียงได้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ความรู้สึกดีๆ ก็สามารถเป็นสุขได้ หรือแม้กระทั่ง กินอะไรที่ถูกใจตน มีรสชาติที่ดี ก็เป็นสุขได้ บางคนได้ตำแหน่ง หน้าที่การงาน สมดังที่ตนตั้งใจไว้ ก็เป็นสุข บางคนเป็นสุข เพราะทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ก็มี บางคนสรรสร้าง แสวงหาสิ่งต่างๆ ทั้งหลาย มาปรุงแต่ง ทำให้ก่อเกิดความสุข เช่น ออกไปเที่ยว หรือทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ตนนั้นก่อเกิดความสุข แต่สุขทั้งหลายนี้ คือ ความสุขที่อยู่ในทางโลก คือ ความสุข ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ คือ ความสุขที่ไม่เที่ยงแท้ คือ ความสุข ที่สุขแล้ว ก็ต้องเจอกับความทุกข์ในที่สุด ความสุขเหล่านี้ จึงไม่ได้เรียกว่า เป็นความสุขเลย เพราะในความเป็นจริง มันคือ ความสุขอันจอมปลอม เพราะว่ามันแอบซ่อน แอบแฝง ด้วยความทุกข์ อยู่อย่างมากมาย
ความสุข ที่เป็นสุขอย่างแท้จริงนั้น สามารถก่อเกิดขึ้นมา ในตัวตนของเราได้ สามารถมีอยู่ ในตัวของเราเองได้ เพราะความสุขนั้น เกิดขึ้นในตัวของเราได้ เมื่อเรารู้เห็นตามความเป็นจริง รู้จริง เห็นแจ้งว่า สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงแท้ มีเกิด แก่ และเจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ไม่ว่า จะเป็นผู้คน หรือสิ่งของก็ตาม ท้ายที่สุด ก็จะเสื่อมสลาย เมื่อเราเข้าใจ ในความไม่เที่ยงแท้เหล่านี้ จึงทำความเข้าใจ กับการลุ่มหลง ยึดติดต่างๆ จนถอดถอนความลุ่มหลงนั้นได้ ด้วยการเห็น ความไม่เที่ยง ตามความเป็นจริง จึงถอดถอน ความยึดติดนั้นได้ เมื่อเกิดการถอดถอน ความลุ่มหลง การยึดติดแล้ว จึงเกิดการวางเฉย แล้วพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด สิ่งเหล่านี้แหละ ที่เป็นความสุขอย่างแท้จริง สุขเพราะว่ารู้ ตามความเป็นจริงว่า ฃสิ่งทั้งหลายมีเกิด- มีดับเป็นธรรมดา
เมื่อเรา ยอมรับความเป็นจริงได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กับเราก็ตาม ไม่ว่าเรื่องนั้น จะเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องที่ไม่ดี ไม่ว่าเรื่องนั้น จะเป็นเรื่องอะไร เราก็จะไม่ทุกข์กับมัน เพราะเรารู้แล้วว่า สุขเดี๋ยวก็ดับ ทุกข์เดี๋ยวก็ดับ เมื่อไม่สุข ไม่ทุกข์ เราจึงข้ามพ้นความทุกข์ ความสุข อันจอมปลอมนั้นไปได้ จึงไปอยู่ในจุดของการวางเฉย จึงได้พบกับสุข ที่สุขอย่างแท้จริง ในตัวตนของเรานั้นเอง ฃจึงได้พบได้เจอกับความสุข สุขเพราะว่าเรานั้น ยอมรับความเป็นจริง เมื่อเราได้รู้แล้วว่า การยึดติด หรือลุ่มหลงนั้น เป็นเหตุของความทุกข์ เราก็จะไม่ยึดถือ ยึดมั่น เอาสิ่งใดมาเป็นเรา มาเป็นของเรา ไม่ยึดถือ จึงเกิดการคลาย เมื่อคลายแล้ว จึงไม่ต้องแบกอะไรไว้ ให้เหนื่อย ให้หนัก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่รัก หรือจะเป็นสิ่งของ ข้าวของต่างๆ ความฝัน ความหวัง ความสุข ความทุกข์ เราก็จะวางทั้งหมดเอาไว้ ไม่ยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งใดๆ ก็จะทำให้เรานั้นเป็นสุขได้ สุขเพราะว่าเรา ไม่ยึดติดกับอะไร
ในความเป็นจริงแล้ว การที่เรายึดติดกับสิ่งต่างๆ เป็นเหตุของความทุกข์ ที่ทำให้เราทุกข์มาก เพราะหากว่าเรา ไปติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราก็จะต้องพลอยแบก พลอยทุกข์ไปกับสิ่งนั้น ที่เรายึดติด และความยึดติดนั้น ก็ก่อเกิดจากความลุ่มหลง ความลุ่มหลงนั้น ก็ก่อเกิดจากความไม่รู้ ตามความเป็นจริง หากว่าเราดับ การไม่รู้ ด้วยการรู้ ความลุ่มหลง หรือยึด ก็จะไม่ก่อเกิดในตัวของเราอีก การวางเฉย ก็จะบังเกิดขึ้นมาแทน แล้วเราจึงจะพบกับความสุขที่แท้จริง เพราะความสุขเกิดขึ้น ตั้งแต่เรายอมรับความเป็นจริง ความสุขเกิดขึ้น ตั้งแต่เราหยุดทำชั่วทั้งหลาย โดยการรักษาศีล ความสุขจะเกิดขึ้น ตั้งแต่เราเริ่มยุติลุ่มหลง และความยึดติดต่างๆ ความสุขก่อเกิดขึ้นในเรา เป็นขั้นๆ ไป ตามลำดับของมัน จนกว่าจะถึงจุดหนึ่ง ที่เราเกิดการวางเฉย ในสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เมื่อเกิดการวางเฉยแล้ว เราจึงเป็นสุขสงบ และความสุขนั้น ก็เป็นสุขที่แท้จริง เที่ยงแท้ และไม่มีอะไร ที่จะทำให้เศร้าหมอง เป็นทุกข์ กลับคืนไปได้อีก พ้นจากวัฏสงสารนี้ คือ การเวียนตาย เวียนเกิด พ้นจากความไม่เที่ยงแท้ ที่มีเกิดมีดับ พ้นจากกฎแห่งกรรม ที่ยังต้องทำ ต้องดิ้นรนขวนขวาย ที่ยังต้องสร้างสิ่งนั้น สิ่งนี้ เติมต่อไปเรื่อยๆ พ้นจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จึงเป็นความสุข ที่สุขอย่างแท้จริง
ความสุขที่แท้จริงนั้น ไม่ได้เกิดขึ้น อยู่ในสิ่งภายนอก แต่มันเกิดขึ้น อยู่ในตัวของเรานั้นเอง คือ ความรู้แจ้ง รู้ตามความเป็นจริง คือ การละต่อการสร้างความชั่ว ละต่อการยึดติดลุ่มหลง ละต่อการเวียนตายเวียนเกิด และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ก็ละได้ โดยการที่เรานั้น หมั่นบำเพ็ญภาวนา ฝึกฝนจิตแห่งตนให้รู้แจ้ง เข้าใจตามความเป็นจริง แล้วเราก็จะได้พบ กับความสุขที่แท้จริง ที่มีอยู่ในเรา ความสุขในทางโลก เมื่อเราเจอสุขแล้ว สักพักหนึ่งก็ต้องเจอทุกข์เข้ามาอีก สุขๆ ทุกข์ๆ อยู่อย่างนั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความสุขนั้น ไม่คุ้ม กับความทุกข์ที่ได้รับมา เพราะการเกิดนั้น เป็นทุกข์ การแก่ การเจ็บ และการตาย ก็เป็นทุกข์ การพลัดพราก จากสิ่งของอันเป็นที่รัก ที่พอใจก็เป็นทุกข์ และเราทุกคนเกิดมา ก็จะมีกาลเวลาของมัน ที่จะตั้งไว้ว่า มีอยู่เท่านั้น หรือเท่านี้ในการดับ เพราะฉะนั้น ความสุขทั้งหลายอันน้อยนิดก็ไม่คุ้ม หากนำมาเทียบ เมื่อเกิดมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็จงดับความลุ่มหลง ดับความยึดติดในตัวตน ดับการเกิดให้แก่ตน เพื่อตนนั้น จะได้พบกับความสุขที่แท้จริง แม้ว่ามันอาจจะดูยาก อาจจะดูไม่ง่ายในการทำ แต่หากว่าเรา ได้ลงมือทำแล้ว มันก็จะสามารถ ที่จะนำพาให้เรา ข้ามพ้นจากความทุกข์ได้ มันสามารถ ที่จะนำพาให้เรา ไปถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุด คือ ความพ้นทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
คนที่แสวงหาความสุขในภายนอกนั้น แม้เขาจะเจอความสุขเป็น ๑๐๐ ครั้ง ก็ไม่ได้รับความสุขอย่างแท้จริง ความสุขใน ๑๐๐ ครั้งนั้น จะกลับมาทำร้ายเขา ให้เจ็บปวด เป็น๑๐๐ ครั้ง คนที่หาความสุขภายในจิตใจ แม้ว่าเขานั้น อาจจะเจอยาก แต่เขา ก็จะได้รับความสุข ที่เป็นความสุขอย่างแท้จริง และไม่ต้องกลับมาทุกข์อีก เมื่อเขาสั่งสม ความสุขเอาไว้มากๆ ความสุขนั้น ก็จะยิ่งหนุนนำจิตใจของเขา ให้เลื่อนระดับไปอยู่ ในจุดที่สูงยิ่งขึ้นไป จนกว่าเขานั้นจะได้พบกับ ความพ้นทุกข์ เพราะของปลอม กับของจริง ของจริงย่อมหายากกว่า แต่เมื่อเกิดของจริงแล้ว จึงเกิดประโยชน์มากกว่า เพราะว่ามันเป็นจริง เที่ยงแท้ และแน่นอน ไม่มีเปลี่ยนแปรไป ของปลอม แม้จะหาได้ง่าย แม้ว่ามันจะมีอยู่ ในทุกที่ทุกแห่งหน แต่ว่าเราเจอมา เก็บมา เอามาเก็บไว้ ก็เก็บไม่ได้ มันก็กลับกลาย เป็นของปลอมไปในที่สุด ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเรา กลับทำร้าย ทำลาย ความรู้สึกของเราอีกต่างหาก สุขนิดเดียว แต่มีทุกข์เป็นร้อยเท่า ทวีคูณ
ฉะนั้น เมื่อเราตั้งใจ ที่จะแสวงหาความสุขอย่างแท้จริง ก็จงแสวงหาให้เจอ เพราะมันมีอยู่ในเรา มันมีอยู่ในการวางเฉย เมื่อเรา รู้ตามความเป็นจริงแล้ว เราวางเฉยแล้ว เราก็จะเกิดความสุขภายในขึ้นมา ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
หลายๆ ท่าน คงจะมีความสงสัยว่า ความสุขของคนเรานั้น จะเกิดขึ้นมาจากไหนได้บ้าง และเป็นความสุขแบบไหนบ้าง คลิบนี้ ผมจึงเอาคติธรรม และข้อคิดจากครูบาอาจารย์ มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน ในการใช้ชีวิต เพราะ ความสุขของมนุษย์เรา ความสุขของดวงจิตต่างๆ ที่ยังคงเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในวัฏสงสารนี้ ก็หาได้ไม่ยาก ความสุขก่อเกิดขึ้น ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ ได้พบกับสิ่งที่ถูกใจ เพียงได้ประสบกับสิ่งที่สมหวัง เพียงได้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ความรู้สึกดีๆ ก็สามารถเป็นสุขได้ หรือแม้กระทั่ง กินอะไรที่ถูกใจตน มีรสชาติที่ดี ก็เป็นสุขได้ บางคนได้ตำแหน่ง หน้าที่การงาน สมดังที่ตนตั้งใจไว้ ก็เป็นสุข บางคนเป็นสุข เพราะทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ก็มี บางคนสรรสร้าง แสวงหาสิ่งต่างๆ ทั้งหลาย มาปรุงแต่ง ทำให้ก่อเกิดความสุข เช่น ออกไปเที่ยว หรือทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ตนนั้นก่อเกิดความสุข แต่สุขทั้งหลายนี้ คือ ความสุขที่อยู่ในทางโลก คือ ความสุข ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ คือ ความสุขที่ไม่เที่ยงแท้ คือ ความสุข ที่สุขแล้ว ก็ต้องเจอกับความทุกข์ในที่สุด ความสุขเหล่านี้ จึงไม่ได้เรียกว่า เป็นความสุขเลย เพราะในความเป็นจริง มันคือ ความสุขอันจอมปลอม เพราะว่ามันแอบซ่อน แอบแฝง ด้วยความทุกข์ อยู่อย่างมากมาย
ความสุข ที่เป็นสุขอย่างแท้จริงนั้น สามารถก่อเกิดขึ้นมา ในตัวตนของเราได้ สามารถมีอยู่ ในตัวของเราเองได้ เพราะความสุขนั้น เกิดขึ้นในตัวของเราได้ เมื่อเรารู้เห็นตามความเป็นจริง รู้จริง เห็นแจ้งว่า สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงแท้ มีเกิด แก่ และเจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ไม่ว่า จะเป็นผู้คน หรือสิ่งของก็ตาม ท้ายที่สุด ก็จะเสื่อมสลาย เมื่อเราเข้าใจ ในความไม่เที่ยงแท้เหล่านี้ จึงทำความเข้าใจ กับการลุ่มหลง ยึดติดต่างๆ จนถอดถอนความลุ่มหลงนั้นได้ ด้วยการเห็น ความไม่เที่ยง ตามความเป็นจริง จึงถอดถอน ความยึดติดนั้นได้ เมื่อเกิดการถอดถอน ความลุ่มหลง การยึดติดแล้ว จึงเกิดการวางเฉย แล้วพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด สิ่งเหล่านี้แหละ ที่เป็นความสุขอย่างแท้จริง สุขเพราะว่ารู้ ตามความเป็นจริงว่า ฃสิ่งทั้งหลายมีเกิด- มีดับเป็นธรรมดา
เมื่อเรา ยอมรับความเป็นจริงได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กับเราก็ตาม ไม่ว่าเรื่องนั้น จะเป็นเรื่องที่ดี หรือเรื่องที่ไม่ดี ไม่ว่าเรื่องนั้น จะเป็นเรื่องอะไร เราก็จะไม่ทุกข์กับมัน เพราะเรารู้แล้วว่า สุขเดี๋ยวก็ดับ ทุกข์เดี๋ยวก็ดับ เมื่อไม่สุข ไม่ทุกข์ เราจึงข้ามพ้นความทุกข์ ความสุข อันจอมปลอมนั้นไปได้ จึงไปอยู่ในจุดของการวางเฉย จึงได้พบกับสุข ที่สุขอย่างแท้จริง ในตัวตนของเรานั้นเอง ฃจึงได้พบได้เจอกับความสุข สุขเพราะว่าเรานั้น ยอมรับความเป็นจริง เมื่อเราได้รู้แล้วว่า การยึดติด หรือลุ่มหลงนั้น เป็นเหตุของความทุกข์ เราก็จะไม่ยึดถือ ยึดมั่น เอาสิ่งใดมาเป็นเรา มาเป็นของเรา ไม่ยึดถือ จึงเกิดการคลาย เมื่อคลายแล้ว จึงไม่ต้องแบกอะไรไว้ ให้เหนื่อย ให้หนัก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่รัก หรือจะเป็นสิ่งของ ข้าวของต่างๆ ความฝัน ความหวัง ความสุข ความทุกข์ เราก็จะวางทั้งหมดเอาไว้ ไม่ยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งใดๆ ก็จะทำให้เรานั้นเป็นสุขได้ สุขเพราะว่าเรา ไม่ยึดติดกับอะไร
ในความเป็นจริงแล้ว การที่เรายึดติดกับสิ่งต่างๆ เป็นเหตุของความทุกข์ ที่ทำให้เราทุกข์มาก เพราะหากว่าเรา ไปติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราก็จะต้องพลอยแบก พลอยทุกข์ไปกับสิ่งนั้น ที่เรายึดติด และความยึดติดนั้น ก็ก่อเกิดจากความลุ่มหลง ความลุ่มหลงนั้น ก็ก่อเกิดจากความไม่รู้ ตามความเป็นจริง หากว่าเราดับ การไม่รู้ ด้วยการรู้ ความลุ่มหลง หรือยึด ก็จะไม่ก่อเกิดในตัวของเราอีก การวางเฉย ก็จะบังเกิดขึ้นมาแทน แล้วเราจึงจะพบกับความสุขที่แท้จริง เพราะความสุขเกิดขึ้น ตั้งแต่เรายอมรับความเป็นจริง ความสุขเกิดขึ้น ตั้งแต่เราหยุดทำชั่วทั้งหลาย โดยการรักษาศีล ความสุขจะเกิดขึ้น ตั้งแต่เราเริ่มยุติลุ่มหลง และความยึดติดต่างๆ ความสุขก่อเกิดขึ้นในเรา เป็นขั้นๆ ไป ตามลำดับของมัน จนกว่าจะถึงจุดหนึ่ง ที่เราเกิดการวางเฉย ในสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เมื่อเกิดการวางเฉยแล้ว เราจึงเป็นสุขสงบ และความสุขนั้น ก็เป็นสุขที่แท้จริง เที่ยงแท้ และไม่มีอะไร ที่จะทำให้เศร้าหมอง เป็นทุกข์ กลับคืนไปได้อีก พ้นจากวัฏสงสารนี้ คือ การเวียนตาย เวียนเกิด พ้นจากความไม่เที่ยงแท้ ที่มีเกิดมีดับ พ้นจากกฎแห่งกรรม ที่ยังต้องทำ ต้องดิ้นรนขวนขวาย ที่ยังต้องสร้างสิ่งนั้น สิ่งนี้ เติมต่อไปเรื่อยๆ พ้นจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จึงเป็นความสุข ที่สุขอย่างแท้จริง
ความสุขที่แท้จริงนั้น ไม่ได้เกิดขึ้น อยู่ในสิ่งภายนอก แต่มันเกิดขึ้น อยู่ในตัวของเรานั้นเอง คือ ความรู้แจ้ง รู้ตามความเป็นจริง คือ การละต่อการสร้างความชั่ว ละต่อการยึดติดลุ่มหลง ละต่อการเวียนตายเวียนเกิด และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ก็ละได้ โดยการที่เรานั้น หมั่นบำเพ็ญภาวนา ฝึกฝนจิตแห่งตนให้รู้แจ้ง เข้าใจตามความเป็นจริง แล้วเราก็จะได้พบ กับความสุขที่แท้จริง ที่มีอยู่ในเรา ความสุขในทางโลก เมื่อเราเจอสุขแล้ว สักพักหนึ่งก็ต้องเจอทุกข์เข้ามาอีก สุขๆ ทุกข์ๆ อยู่อย่างนั้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ความสุขนั้น ไม่คุ้ม กับความทุกข์ที่ได้รับมา เพราะการเกิดนั้น เป็นทุกข์ การแก่ การเจ็บ และการตาย ก็เป็นทุกข์ การพลัดพราก จากสิ่งของอันเป็นที่รัก ที่พอใจก็เป็นทุกข์ และเราทุกคนเกิดมา ก็จะมีกาลเวลาของมัน ที่จะตั้งไว้ว่า มีอยู่เท่านั้น หรือเท่านี้ในการดับ เพราะฉะนั้น ความสุขทั้งหลายอันน้อยนิดก็ไม่คุ้ม หากนำมาเทียบ เมื่อเกิดมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็จงดับความลุ่มหลง ดับความยึดติดในตัวตน ดับการเกิดให้แก่ตน เพื่อตนนั้น จะได้พบกับความสุขที่แท้จริง แม้ว่ามันอาจจะดูยาก อาจจะดูไม่ง่ายในการทำ แต่หากว่าเรา ได้ลงมือทำแล้ว มันก็จะสามารถ ที่จะนำพาให้เรา ข้ามพ้นจากความทุกข์ได้ มันสามารถ ที่จะนำพาให้เรา ไปถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุด คือ ความพ้นทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
คนที่แสวงหาความสุขในภายนอกนั้น แม้เขาจะเจอความสุขเป็น ๑๐๐ ครั้ง ก็ไม่ได้รับความสุขอย่างแท้จริง ความสุขใน ๑๐๐ ครั้งนั้น จะกลับมาทำร้ายเขา ให้เจ็บปวด เป็น๑๐๐ ครั้ง คนที่หาความสุขภายในจิตใจ แม้ว่าเขานั้น อาจจะเจอยาก แต่เขา ก็จะได้รับความสุข ที่เป็นความสุขอย่างแท้จริง และไม่ต้องกลับมาทุกข์อีก เมื่อเขาสั่งสม ความสุขเอาไว้มากๆ ความสุขนั้น ก็จะยิ่งหนุนนำจิตใจของเขา ให้เลื่อนระดับไปอยู่ ในจุดที่สูงยิ่งขึ้นไป จนกว่าเขานั้นจะได้พบกับ ความพ้นทุกข์ เพราะของปลอม กับของจริง ของจริงย่อมหายากกว่า แต่เมื่อเกิดของจริงแล้ว จึงเกิดประโยชน์มากกว่า เพราะว่ามันเป็นจริง เที่ยงแท้ และแน่นอน ไม่มีเปลี่ยนแปรไป ของปลอม แม้จะหาได้ง่าย แม้ว่ามันจะมีอยู่ ในทุกที่ทุกแห่งหน แต่ว่าเราเจอมา เก็บมา เอามาเก็บไว้ ก็เก็บไม่ได้ มันก็กลับกลาย เป็นของปลอมไปในที่สุด ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเรา กลับทำร้าย ทำลาย ความรู้สึกของเราอีกต่างหาก สุขนิดเดียว แต่มีทุกข์เป็นร้อยเท่า ทวีคูณ
ฉะนั้น เมื่อเราตั้งใจ ที่จะแสวงหาความสุขอย่างแท้จริง ก็จงแสวงหาให้เจอ เพราะมันมีอยู่ในเรา มันมีอยู่ในการวางเฉย เมื่อเรา รู้ตามความเป็นจริงแล้ว เราวางเฉยแล้ว เราก็จะเกิดความสุขภายในขึ้นมา ครับ
ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่าน ที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น