ครั้งมีพระชาติเป็นโชติปาลมาณพ การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า



ครั้งมีพระชาติเป็นโชติปาลมาณพ
๑. บาลี ฆฏิการสูตร ม. ม. ๑๓/๓๗๕/๔๐๕.
ตรัสแก่พระอานนท์ ที่รุกขมูลแห่งหนึ่ง
ระหว่างการเดินทาง ในชนบท แห่งโกศล.


อานนท์ !
ความคิดอาจมีแก่เธอว่า
‘ผู้อื่นต่างหาก ที่เป็นโชติปาลมาณพ ในสมัยโน้น’.

อานนท์ !
เธอไม่ควรเห็นเช่นนั้น,
เรานี่เองได้เป็นโชติปาลมาณพแล้ว ในสมัยนั้น......๒
๒. เนื้อความท่อนนี้ อยู่ท้ายสูตร นำมาจั่วหน้า,
เพื่อให้เข้าใจง่ายว่าตรัสถึงเรื่องในชาติก่อน.

อานนท์ !
ครั้งดึกดำบรรพ์
พื้นที่ตรงนี้เป็นนิคมชื่อเวภฬิคะ
มั่งคั่งรุ่งเรือง มีคนมากเกลื่อนกล่น.

อานนท์ ! พระผู้มีพระภาค นามว่า กัสสปะ
ทรงอาศัยอยู่ ณ นิคมเวภฬิคะนี้,
ได้ยินว่า อารามของพระองค์ อยู่ตรงนี้เอง,
ท่านประทับนั่งกล่าวสอนหมู่สาวก ตรงนี้.

อานนท์ !
ในนิคมเวภฬิคะ มีช่างหม้อชื่อฆฏิการะ
เป็นอุปัฏฐากอันเลิศ
ของพระผู้มีพระภาคกัสสปะนั้น.
ฆฏิการะมีสหายรัก ชื่อโชติปาละ.

อานนท์ !
ครั้งนั้น ฆฏิการะเรียกโชติปาลมาณพ
ผู้สหายมาแล้วกล่าวว่า
“เพื่อนโชติปาละ ! มา, เราไปด้วยกัน,
เราจักไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสปะ.
การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”.
“อย่าเลย, เพื่อนฆฏิการะ !
มีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะ หัวโล้น”.
“เพื่อนโชติปาละ ! ไปด้วยกันเถอะ, ฯลฯ
การเห็นพระสัมมา สัมพุทธเจ้านั้น
บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”.
“อย่าเลย , เพื่อนฆฏิการะ !
มีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะ หัวโล้น”.
(โต้กันดั่งนี้ถึงสามครั้ง).
“ถ้าเช่นนั้น เราเอาเครื่องขัดถูร่างกาย
ไปอาบน้ำที่แม่น้ำกันเถอะ, เพื่อน ! ”

อานนท์ !
ครั้งนั้น ฆฏิการะและโชติปาลมาณพ
ได้ถือเครื่องขัดสีตัว ไปอาบน้ำที่แม่น้ำด้วยกันแล้ว ,
ฆฏิการะได้กล่าวกะโชติปาลมาณพอีกว่า
“เพื่อนโชติปาละ ! นี่เอง
วิหารแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะอยู่ไม่ไกลเลย,
ไปเถอะเพื่อน !
เราจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยกัน,
การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”.
“อย่าเลยเพื่อน ฆฏิการะ !
มีประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะ หัวโล้นนั้น”.
(โต้กันดังนี้ถึง ๓ ครั้ง).

อานนท์ ! ฆฏิการะ ได้เหนี่ยวโชติปาลมาณพที่ชายพก แล้วกล่าวว่า
“เพื่อนโชติปาละ ! ตรงนี้เอง วิหารของพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ไกลเลย,
ไปเถอะเพื่อน,
เราจักไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยกัน ,
การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บัณฑิตลงเห็นพร้อมกันว่า ดี”.

อานนท์ !
ครั้งนั้นโชติปาละ พยายามโดยวิธี
ที่ฆฏิการะต้องปล่อยชายพกนั้นได้แล้ว
กล่าวว่า “อย่าเลยเพื่อน ฆฏิการะ !
ประโยชน์อะไรด้วยการเห็นสมณะหัวโล้น.”

อานนท์ ! ลำดับนั้น ฆฏิการะ
เหนี่ยวโชติปาลมาณพ
ผู้อาบน้ำสระเกล้าเรียบร้อยแล้ว
เข้าที่มวยผมแล้ว กล่าวดั่งนั้นอีก.

อานนท์ !
โชติปาลมาณพ เกิดความคิดขึ้นภายในใจว่า
“น่าอัศจรรย์หนอท่าน,
ไม่เคยมีเลยท่าน,
คือข้อที่ฆฏิการะช่างหม้อมีชาติอันต่ำ
มาอาจเอื้อมจับเรา ที่มวยผมของเรา,
เรื่องนี้เห็นจักไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้วหนอ.”
ดังนี้, จึงกล่าวกะฆฏิการะช่างหม้อ : -
“เพื่อนฆฏิการะ ! นี่จะเอาเป็นเอาตายกันเจียวหรือ ?”
“เอาเป็นเอาตายกันทีเดียว, เพื่อนโชติปาละ !
เพราะการเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการดีจริงๆ.”
“เพื่อนฆฏิการะ !
ถ้าเช่นนั้น ก็จงปล่อย เราจักไปด้วยกันละ”.

อานนท์ !
ลำดับนั้น ฆฏิการะและโชติปาลมาณพ
ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกัสสปะถึงที่ประทับ.
ฆฏิการะผู้เดียว
ถวายอภิวาทแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควร;
ส่วนโชติปาลมาณพ
ได้ทำความคุ้นเคยชื่นชม
กับพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะ นั่งอยู่แล้ว.
ฆฏิการะได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะว่า
“พระองค์ผู้เจริญ !
นี่คือ โชติปาลมาณพ
สหายรักของข้าพระพุทธเจ้า,
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงทรงแสดงธรรมแก่เขาเถิด”.

อานนท์ ! พระผู้มีพระภาคกัสสปะ
ได้ทำให้ฆฏิการะ และโชติปาละเห็นจริง,
ถือเอา, อาจหาญและร่าเริงเป็นอย่างดี
ด้วยธรรมิกถาแล้ว.
ทั้งสองคนเพลิดเพลินปราโมทย์
ต่อภาษิตของพระองค์,
บันเทิงจิต ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาท
ทำประทักษิณ แล้วจึงหลีกไป.

อานนท์ ! ลำดับนั้น โชติปาลมาณพ
ได้กล่าวถามกะฆฏิการะว่า
“เพื่อนฆฏิการะ ! เพื่อนก็ฟังธรรมนี้อยู่
ทำไมจึงยังไม่บวชออกจากเรือน
เป็นผู้ไม่หวังประโยชน์ด้วยเรือน เล่า ?”
“เพื่อนไม่เห็นหรือ เพื่อนโชติปาละ !
ฉันต้องเลี้ยงมารดาบิดาผู้แก่ และตาบอดอยู่”.
“เพื่อนฆฏิการะ !
ถ้าเช่นนั้น ฉันจักบวช
ออกจากเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนละ”.

อานนท์ !
ครั้งนั้น เขาทั้งสองได้เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคกัสสปะอีก.
ฆฏิการะกราบทูลว่า
“พระองค์ผู้เจริญ !
โชติปาละสหายรักของข้าพระพุทธเจ้านี่แล
ประสงค์จะบวช,
ขอพระองค์จงให้เขาบวชเถิด”.

อานนท์ !
โชติปาลมาณพ ได้บรรพชาและอุปสมบท
ในสำนักแห่งพระผู้มีพระภาคกัสสปะแล้ว,
ราวกึ่งเดือน พระผู้มีพระภาคกัสสปะ
ก็เสด็จจาริก ไปยังเมืองพาราณสี. ...ฯลฯ...

อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่เธอว่า
“คนอื่นต่างหากที่เป็นโชติปาลมาณพในสมัยโน้น”.

อานนท์ ! เธอไม่ควรคิดไปอย่างนั้น,
เรานี่เอง, เป็นโชติปาลมาณพแล้ว ในสมัยโน้น.

ชุดจากพระโอษฐ์ ๕ เล่ม เล่มที่ ๕
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้าที่ ๕๘๘

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว