วิธีทำให้ชีวิต มีความสุข

สวัสดีครับคุณผู้ชม คลิบนี้ผมมี คติธรรมและข้อคิด เกี่ยวกับวิธีทำให้ชีวิต มีความสุข ด้วยการให้อภัย ด้วยการไม่โกรธ มาฝากครับ



โกรธ คำเดียวสั้นๆ แต่ส่งผลร้าย ให้กับบุคคล ที่แสดงอาการได้อย่างมหันต์ เพราะในขณะที่มีอารมณ์โกรธ คนผู้นั้นจะมีความรู้สึกวิตกกังวล และว้าวุ่นใจร่วมด้วย ข้อสำคัญ ผู้ที่อยู่ในอารมณ์ โกรธแค้นนานๆ และต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัย นำไปสู่การเป็นโรคแผล ในกระเพาะอาหาร อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เป็นต้น คลิบนี้ผมจึงเอาข้อคิดเตือนใจ จากครูบาอาจารย์มาให้รับชม เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิดให้กับทุกท่าน ในการดำเนินชีวิต เพราะความโกรธนั้น ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ และความสัมพันธ์กับผู้อื่น ดังนั้น การเรียนรู้ที่จะให้อภัย และขจัดความโกรธ น่าจะเป็นหนทางที่ดี ต่อสุขภาพทั้งกายและใจ และปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ดังคำกล่าว ที่ว่า “ผู้ที่อ่อนแอ ไม่สามารถให้อภัยใครได้ เพราะการให้อภัยได้นั้น นับเป็นความเข้มแข็งที่แท้จริง” ซึ่งถ้าเราหยุดโกรธได้ ชีวิตเราก็จะมีความสุข เรามาดูกันครับว่า หนทาง และวิธี ที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุข ที่เราสามารถ นำเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้นั้น จะมีอะไรบ้างครับ ไปชมกันเลยครับ

๑. ปล่อยวางความโกรธ
มีคำกล่าวว่า “ความโกรธคือยาพิษ ที่เรากลืนลงคอตัวเอง เพื่อหวังฆ่าคนอื่น” ความหมาย ก็คือ เมื่อเราโกรธ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน ที่ส่งผล ให้หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อเกร็ง ความดันโลหิตสูงขึ้น ถ้าเกิดเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แล้วดับไป ก็จะไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่ถ้ามีอารมณ์โกรธแค้นฝังลึก อยู่ในจิตใจตลอดเวลา มันจะส่งผลร้าย ต่อร่างกายในระยะยาว จึงควรสำนึกไว้เสมอว่า เมื่อเราโกรธแค้นใครบางคน นั่นไม่เพียงแต่เรา กำลังทำร้ายตัวเอง แต่กลับปล่อยให้คนนั้น ควบคุมสภาพอารมณ์ของเราอีกด้วย ดังนั้น สิ่งที่ควรทำก็คือ ปล่อยวางความโกรธ อย่าไปยึดมันไว้ในใจ

๒. มีความรัก และปรารถนาดีต่อผู้อื่น
เมื่อเราตอบโต้ คนที่ทำไม่ดีกับเรา แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เช่น เขาเกลียดเรา เราก็เกลียดเขา, เขาโกรธเรา เราก็โกรธเขา หรือเขาทำร้ายเรา เราก็จะทำร้ายเขา เป็นต้น นั่นเท่ากับว่า เราทำตัวเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ไปโดยปริยาย ฉะนั้น เราควรเลือก ที่จะไม่ทำตาม แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่พยายามทำตัวเอง ให้มีความสุข มีความรัก และปรารถนาดีให้ผู้อื่นเสมอ

๓. อย่าคิดแก้แค้น
อย่ามัวเสียเวลาคิดแก้แค้น คนที่คิดร้ายต่อเรา เพราะการแก้แค้น ที่ดีที่สุดคือ การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จ ถ้าเราสามารถฝึกตนเองให้คิดดี ทำดีได้ตลอด จะส่งให้เรา มีพลังดึงดูด คนที่คิดดีทำดี เข้ามาในชีวิต ดังคำพูดที่ว่า “เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อเราหมกมุ่น อยู่กับความคิด และความรู้สึกด้านลบ” และวิธี ที่จะช่วยให้เราโฟกัส ความคิดด้านบวกได้ ก็คือ ฝึกท่องคำว่า “รัก ให้อภัย ปล่อยวาง และสันติสุข” ไว้ตลอดเวลานั่นเอง

๔. สวดมนต์และแผ่เมตตา
เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีใครบางคน ทำสิ่งไม่ดีกับเรา ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา และใจ ปฏิกิริยาแรกที่เรามีก็คือ โกรธคนคนนั้น แต่เราสามารถ ควบคุมอารมณ์โกรธ มิให้เกิดขึ้นแต่แรกได้ ด้วยการบอกตัวเองว่า “เราทั้งหลาย ล้วนเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง” แล้วให้สวดมนต์แผ่เมตตาให้คนนั้น เพื่อเรียกสติของตัวเราเองคืนมา พร้อมกับ แผ่พลังด้านดีให้เขาด้วย

๕. แสวงหาความสุขภายใน
จงจำไว้ว่า อย่าแสวงหาความสุข จากภายนอก เพราะมันเป็นความสุข ที่ไม่ยั่งยืน แต่จงให้ความสำคัญ กับความรู้สึกซาบซึ้ง ต่อสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งเป็นความสุข จากภายในจิตใจ ที่เปล่งประกายออกมา ถ้าเราปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิด และความเป็นตัวตนของเรา ผันแปร ไปตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่มิอาจคาดเดา หรือความแปรปรวนทางอารมณ์ ของผู้คนมากหน้าหลายตาละก็ บอกได้เลยว่า ความสุขในชีวิตเรา ก็จะขึ้นๆ ลงๆ เหมือนรถไฟเหาะตีลังกา ตลอดเวลานั่นเอง เพราะความสุขที่แท้จริงนั้น เป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากใจ ที่เบิกบานปีติยินดี ดังนั้น แทนที่เรา จะมัวหลงติดกับสิ่งแย่ๆ ที่ทำให้เราเกิดอารมณ์ขุ่นมัว ในแต่ละวัน ก็ควรหันมานึกถึงเรื่องดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยอาจจะเขียนเป็นเรื่องในชีวิต ที่เรารู้สึกพึงพอใจ ซึ่งวิธีนี้ จะช่วยให้เราผ่านพ้นแต่ละวัน ไปได้อย่างมีความสุข และแจ่มใส



๖. อุปสรรคคือบททดสอบชีวิต
มีคำสอนในพุทธศาสนา กล่าวไว้ว่า อุปสรรคความทุกข์ยากบางอย่าง ที่เรากำลังประสบอยู่นั้น เกิดแต่กรรมเก่า ยิ่งลำบาก ทุกข์มากเท่าไหร่ นั่นก็คือ เรากำลังชดใช้กรรมเก่าให้หมดไป แต่ไม่ว่าเรา จะเชื่อเรื่องนี้ หรือไม่ก็ตาม มันก็จะทำให้เรามีกำลังใจ ที่จะปรับปรุงแก้ไข เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งเป็นเสมือน การทดสอบความเป็นตัวตนของเรา และถ้าเรา รู้สึกเหมือนกำลังถูกทดสอบอยู่ จงถามตัวเราเองว่า กำลังถูกทดสอบเรื่องอะไร ความอดทนอดกลั้นหรือไม่ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือไม่ ความยืดหยุ่นหรือไม่ การให้อภัยหรือไม่ การเปิดใจให้กว้างหรือไม่ ความเข้มแข็งหรือไม่ เมื่อเราได้คำตอบแล้ว ก็อย่ารอช้า จงรีบปรับปรุงแก้ไขโดยเร็วที่สุด

๗. มีทัศนะมุมมองที่ดี
ถ้าเรา กำลังเผชิญกับอุปสรรค ความยากลำบากอยู่ ให้เตือนตัวเองว่า อุปสรรคความทุกข์ยากเหล่านั้น มิใช่ทั้งหมดของชีวิต มันเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเท่านั้น แล้วก็จะผ่านพ้นไป จงตั้งสติให้มั่น อย่าปล่อยให้ความทุกข์ยากเหล่านั้น มาบั่นทอนพลังในตัวเรา เพราะเมื่อเราเอาชนะมันได้ แน่นอนว่า สิ่งดีๆ ก็จะเกิดตามมา ดังคำโบราณที่ว่า “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” นั่นก็คือ ไม่มีใครสุขตลอด หรือทุกข์ได้ตลอดไป

๘. เรียนรู้จากบทเรียน
ควรพัฒนาจิตใจ ให้เป็นดั่ง “ผู้เรียนรู้ มิใช่เหยื่อ” หมายถึง การนำประสบการณ์ของตนเอง หรือผู้อื่นมาปรับใช้ เพื่อป้องกัน มิให้ตนเอง ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ให้คำมั่นกับตัวเองว่า จะควบคุมอารมณ์ให้ได้ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทำ ให้อารมณ์เสีย และพยายามหลีกเลี่ยง มิให้ตกอยู่ในสภาวะเช่นนั้น อีกในอนาคต

เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม วิธีทำให้ชีวิต มีความสุข ความโกรธ ความเกลียด ความเคียดแค้นทั้งหลาย ที่ยังคงหลงเหลือ อยู่ในใจนั้น ขอให้เราขจัดทิ้งไป และจงรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ ต้อนรับสิ่งดีๆ ที่กำลังจะมาถึง อย่างมีความสุข ครับ

ขออนุโมทนาบุญ และกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ทุกท่าน ที่ให้คติธรรม และข้อคิด ในการดำเนินชีวิต และขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านที่มีส่วนร่วม ในการจัดทำคลิบนี้ และรับชมคลิบนี้ สาธุครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไตรลักษณ์ 3 ประการ

บาปกรรมหนัก 3 ข้อ ของการเป็นชู้ คบชู้และนอกใจ

กรรมของคน ชอบใส่ร้ายป้ายสี และนินทาผู้อื่น

หนทาง 7 สาย กรรมดีกรรมชั่ว ชีวิตหลังความตาย

อาฆาตแรง ชอบด่าว่า สาปแช่งคนอื่น จะได้รับผลกรรมอะไร

พุทธประวัติ EP.4 การจุติจากดุสิตลงสู่ครรภ์ เกิดแสงสว่าง และแผ่นดินไหว เนื่องด้วยการจุติ

ผ้าเปลือกปอ (เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม)

พูดโกหก ชอบด่าว่า พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ กรรมหนักแค่ไหน

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร

เปรตรับผลบุญได้ การสงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว